ขอบคุณ Pinterest.com เครดิตภาพ rosaseimagens.tumblr.com |
พ่อแม่ไปธุระ
หรือออกต่างจังหวัด หรือต้องเดินทางไกลไปต่างประเทศ บางทีมันก็รู้สึกเหงาๆ ขึ้นมา
อย่างถ้าเราเล่มเกมอยู่บ้านไปวันๆ มันก็เซ็งและเบื่อได้ ผมจึงมีวิธีการต่างๆ
มาฝากกันครับ
กิจกรรมยามว่าง
ที่เราเคยทำแล้วมีความสุข มีอะไรบ้าง
1.
เข้าหาดนตรี อะไรก็ได้ ที่เราถนัด ซ้อมดนตรี มีบ้างที่จู่ๆ รู้สึกอยากจะเป่าขลุ่ย
แต่สำหรับผม เรื่องดนตรีนั้นผมเข้าคีย์บอร์ดอย่างอิเล็กโทน การไล่เลียงตัวโน้ตและเสียงเพลง
ทำให้สมองได้ได้รับคลื่นดนตรีชนิดหนึ่งเข้าไป เป็นส่วนหนึ่งทำให้เกิดการพักผ่อน
ผมมองว่ามันเป็นเรื่องดีครับ ทุกครั้งที่เราเข้าหาดนตรี จะมีคลื่นเสียงชนิดหนึ่ง ให้สมองได้พักผ่อนจากการเล่นเกม
เพราะการใช้คอมเล่นเกมไปวันๆ นอกจากสายตาเราทำงานหนัก
ได้รับรังสีจากคอมพิวเตอร์มากๆ ทำให้สมองของเราได้รับผลกระทบด้วย
จึงต้องหาอะไรมาบรรเทา ได้ไม่ต้องตึงเครียดหรือเซ็งไปวันๆ
2.
คนที่ชอบนอนไปวันๆ นอนกลางวันก็มี แต่ด้วยในวัยนี้สำหรับผม
จึงไม่ค่อยได้นอนกลางวัน มีคนเขาเคยกล่าวเอาไว้ว่า “คนในวัยรุ่นไม่ควรนอนกลางวัน”
ยกเว้นถ้าเกิดว่าต้องทำงานเวลากลางคืนไม่ได้พักผ่อน แต่คนที่บ้านผมมักจะบอกว่า
“มีแต่คนแก่เท่านั้นที่นอนกลางวัน” ผมก็เคยศึกษาเรื่องนี้มาเหมือนกัน
การพักผ่อนเราควรที่จะบริหารเวลาบ้าง ออกมายืดเส้นยืดสายบ้าง รับแสงแดดบ้าง
เผื่ออะไรมันจะดีขึ้น มันก็ดีขึ้นจริงๆ และหากิจกรรมทำเบาๆ เช่น รดน้ำต้นไม้
เดินรอบบ้าน หรือไม่ก็เล่นกีฬาในที่ร่มก็ได้ ระบบเลือดและสมองในร่างกายได้ไหลเวียน
เป็นต้น
3.
ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบตัดแต่งต้นไม้ จัดสวน และรดน้ำต้นไม้ เวลาว่าง
ไม่ต้องคิดอะไรมากให้ขัดข้องใจ มันก็เป็นความสุขอีกแบบ
เข้าหามันทีไรต้นไม้ดอกไม้มันก็จะยิ้มให้เราทุกวัน
พวกมันก็มีชีวิตให้เราได้ให้น้ำให้อาหารมันทุกวัน พวกมันก็มีความสุข
และเราก็มีความสุข เห็นมั้ยครับ ว่ากิจกรรมเล็กๆ ก็ทำให้เรามีความสุขได้
4.
สัตว์เลี้ยงครับ บ้านไหนมีสัตว์เลี้ยง หมาแมว ก็เข้าหาเล่นกับมันได้
บางทีมันก็อยากให้เราเล่นกับมัน หรือตกเย็นพามันไปเดินเล่นนอกบ้านก็ได้
รับลมรับแสงแดดตอนเย็นๆ แล้วก็ถ่ายรูป แชะ! (แฮะ...) มีบ้างครับ ขนาดนอกบ้านยังมีอะไรให้ค้นหา
คนชอบถ่ายรูปภาพวิวทิวทัศน์ หรือดอกไม้ ก็เป็นแรงบันดาลใจ
ทำให้เรามีความสุขได้เช่นกัน
5.
บ้านสกปรกทำไงดี พ่อแม่ไม่อยู่และกำชับด้วยว่า “อย่าลืมทำความสะอาดบ้านนะ ลูก”
แต่พอ-กลับมาสุดท้ายก็ไม่ได้ทำ และโดนต่อว่าอย่างโน้นอย่างนี้
สำหรับผมคงไม่ถึงขนาดนั้น ไม่ต้องให้ใครมาบอกหรือกำชับ บางทีก็มีบ้าง
แต่เราก็ต้องทำ “โอ๊ย...! อ้วน
อึดอัดจัง” เปลี่ยนเวลาอยู่บ้านมาออกกำลังกายกันดีกว่า รู้มั้ย
การทำความสะอาดบ้านก็เป็นการออกกำลังกายส่วนหนึ่ง ได้จับได้กวาด ได้ถูพื้น
จัดระเบียบข้าวของใช้ในบ้าน มันก็ได้ออกกำลังกายไปในตัวด้วย ดีกว่าอยู่เฉยๆ ครับ
6.
ว่างๆ วันเหงาๆ เขียนหนังสือสิครับ ได้จับปากกา ได้เขียนความในใจ
อย่างน้อยได้ระบายออกไปบ้าง ถึงแม้บางคนอาจไม่เข้าใจ
แต่มันต้องมีสักคนที่เข้าใจเรา หรือบางคนไม่ได้ให้ความสนใจเราเลยก็มี
ขนาดสังคมออนไลน์หรือในสังคมอื่น ไม่ต้องไปสนใจหรือให้ความสำคัญกับมันมากนัก
มันจะทำให้เราเครียด เราดูแค่ว่ามีใครสนใจบ้างก็พอแล้ว เขียนความในใจเขียนแค่ครั้งเดียวก็รู้เรื่องแล้ว
ใครไม่สนใจก็ช่าง แต่ถ้าเราเจตนาดีมันก็ย่อมดี ไม่ได้ไปกระทบกับใครสักหน่อย
7. อ่านหนังสือครับพี่น้อง
แต่อ่านไปแล้วมันเครียดยิ่งกว่า จิตวิทยาแนวคิดมันก็เสริมสร้างกำลังใจ
แต่พอนำมาประกอบร่วมในธุรกิจมันทำยาก อ่านหนังสือเบาๆ สักเล่ม
8.
บางคนก็ชอบหลงใหลในศิลปะชอบวาดรูป เป็นแรงบันดาลใจชั้นเยี่ยมของนักวาดรูป
จะพูดไปแล้ว
เขาก็รักและสนใจธรรมชาติหรือวาดรูปหน้าเหมือนในกลุ่มผู้คนที่เขาต้องการ การวาดรูปมันก็เป็นส่วนหนึ่ง
ที่ทำให้เราได้สงบนิ่ง หรือถ้าใจรักศิลปะก็ระบายสีออกมาตามรูปแบบอารมณ์
ผลที่ได้คือตามนั้นที่เราได้ระบายสีออกมา
และในแต่ละสีมักจะมีความหมายของมันซ่อนอยู่
9.
ความรักนะความรัก บางครั้งมันก็เจ็บปวดเหลือเกิน ลองมาทำอะไรใหม่ๆ ดูมั้ย “ฉันรักเธอที่สุดในโลกเลย...!” เขาว่าความรักคือการให้
สำหรับผมให้กำลังใจมันก็ดีนะ มันก็เป็นความรักอย่างหนึ่ง บอกคนข้างๆ สิครับ
ใครก็ได้ ไม่ต้องเป็นแฟนหรือคนรักว่า “ฉันรักเธอ” มันเป็นคำที่พูดได้ยาก
คำคมก็ดีนะ มันก็ให้ข้อคิดและเป็นกำลังใจชั้นเยี่ยมที่ทำให้คนนั้นลุกขึ้นสู้กับชีวิต
เป็นอะไรที่มีแต่การให้ และการให้แบบนี้ก็สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้
10.
ชวนเพื่อนมาสังสรรค์ มาทำขนมที่บ้าน หรืออื่นๆ ก็ทำให้เราได้ขยับความสัมพันธ์ในแวดวงเพื่อนฝูงมากยิ่งขึ้น
นอกจากได้รู้จักมากยิ่งขึ้น ยังได้สังคมอีกด้วย หาอะไรมาทำให้สนุกหรือมีสีสันกัน
จัดไป... ร้องเพลงคาราโอเกะนี้ไม่เคยขาดเลย หรือกิจกรรมที่มันสนุกๆ ตื่นเต้นๆ
ทำให้มีกำลังใจมากยิ่งขึ้น
โลกภายนอกมันก็ไม่ได้โหดร้ายเกินไป
ออกไปเจอผู้คน พบปะสังสรรค์ ในทุกๆ วันของผมนั้น แค่ในหมู่บ้าน
ก็พบปะกับเพื่อนบ้านได้ นั่นก็เพราะผมไม่ได้อยู่คนเดียว เพื่อนบ้านนั้นก็สำคัญ
ทำให้ได้มีเพื่อนใหม่ ได้สังคมใหม่ๆ ขอเพียงแค่เรากล้าเปิดเผย และความจริงใจ
หัวใจของเพื่อนบ้าน เพียงตัดคำว่า “เกรงใจ” ออกไป และสร้างความเป็นกันเอง
ก็ทำให้เราได้รู้จักเพื่อนในสังคมมากขึ้นด้วย
Following My Facebook Page : https://www.facebook.com/blogtkw2015
Following My Facebook Page : https://www.facebook.com/blogtkw2015
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น