หน้าเว็บ

20 มิ.ย. 2559

ธรรมชาติเป็นผู้สร้างมา กับ 5กลุ่มลักษณะนิสัย


ธรรมชาติเป็นผู้สร้างมา หรือความเป็นส่วนตัวที่ใครหลายคนสงสัยว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร และในแต่ละลักษณะที่แตกต่างกันออกไปนั้นมีอะไรกันบ้าง

4 นิสัยผู้มีพลังอันแข็งแกร่ง
1)    Lonely (โดดเดี่ยว) เวลาที่เงียบเหงา แต่ในใจลึกๆ ก็ลุกขึ้นสู้ ในบางครั้งการอยู่คนเดียวก็เป็นการทบทวนเวลาที่ผ่านมา ว่ามีอะไรบ้างที่ต้องแก้ไข ผู้ที่อยู่ในลักษณะนี้จะต้องระวังมากที่สุดคือคนที่อยู่รอบตัวหรือเพื่อน เพราะสิ่งที่ตามมามันไม่คุ้ม มิฉะนั้นจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวแบบนี้ไปตลอดชีวิต
2)    Brave (กล้าหาญ) คุณก็เป็นผู้กล้าได้ มีความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้า และรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของคุณ กล้ายอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ถึงจะเรียกว่าเป็นผู้กล้าที่แท้จริง
3)    Adamant (แข็งแกร่ง) คุณนั้นเปรียบเสมือนกับเพชรที่กำลังส่องประกาย เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง มีความสามารถเป็นผู้นำ
4)    Naughty (ซน,แก่นแก้ว) อาจจะดูบ้าบอไปบ้าง แต่ก็มีความพยายามมากพอที่จะก้าวไปสู่ความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา และแตกต่างจาก 3 ข้อดังกล่าวข้างต้น

4 นิสัยผู้มีพลังต้านทาน
1)    Bold (กล้า) คุณมีความกล้าที่จะยอมรับว่า คุณสามารถแบกรับหน้าที่และความรับผิดชอบต่างๆ ไว้ได้ ไม่แน่ว่าคุณอาจจะได้เลื่อนขั้น หรือขยับเข้ามาเป็นระบบครอบครัวกับพวกเขา
2)    Relexed (ผ่อนคลาย) คุณจำเป็นผ่อนคลายบ้าง มีการผ่อนผัน ไม่ใช่ว่าถึงจะซีเรียสไปก็ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นมาหรอก ผ่อนคลายกับสภาพจิตใจของคุณ ทำงานหนักไม่เป็นไร แต่ต้องให้เวลาพักกับตัวเองด้วย มันจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน มีพลังต้านทาน ที่จะรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ได้
3)    Impish (เหมือนผีตัวเล็กซุกซน) ซุกซนบ้างก็ดีนะ แต่พอโตไปก็ลืมเรื่องตอนเด็กๆ กันแล้ว ข้อนี้ผมบอกเลยว่า คิดไม่ตกจริงๆ เพราะมันเป็นเรื่องความทรงจำครั้งที่ผ่านมา มันก็สร้างภูมิต้านทานขึ้นมาได้เช่นกัน คนที่มีความทรงจำร่วมกับเรา นั่นแหละภูมิต้านทานชั้นดี
4)     Lax (หละหลวม) หละหลวมไปมันก็ดูไม่ดี แต่ในบางครั้ง ถ้ามันผูกเชือกแน่นเกินไปก็อาจถึงชีวิตได้ หละหลวมในที่นี้หมายถึง ปล่อยผ่อนคลายปมตัวเอง อย่าให้ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตต้องได้รับมากเกินไป เพราะไม่มีใครรู้ไปหมดทุกอย่างหรอกครับ

4 นิสัยผู้ที่มีความคล่องตัว
1)    Timid (ขี้อาย) บางคนกลัวที่ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้า ในทางตรงกันข้ามความอายก็เป็นการเก็บตัวอย่างหนึ่ง เพราะเป็นลักษณะของการปลุกใจให้คนที่ขี้อายที่สุดลุกขึ้นมาต่อสู้กับโลกแห่งความจริงถึงจะเรียกว่าความคล่องตัว
2)    Hasty (รีบร้อน) ใจร้อนไปก็ไม่ใช่ว่าจะดี รีบร้อนมากก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ มันก็ไม่ได้มีความคล่องตัวแต่อย่างใด แต่การพุ่งไปที่จุดเดียวก็ไม่ได้มีความหมายอะไร ถ้าใช้ความรีบร้อนหาวิธีการเข้าไปหาเป้าหมาย นั่นถึงจะเรียกว่าความคล่องตัว
3)    Jolly (ครึกครื้น,ร่าเริง) ร่าเริงกันไว้ ชีวิตก็ดีกว่าครับ ใครที่เป็นคนร่าเริง รู้สึกสนุกล่ะก็ ควรรู้ไว้ว่า คนที่มีลักษณะนี้จะมีความคล่องตัวสูง และประสานงานได้เร็ว ชีวิตที่มีความสุขจะสร้างความคล่องตัวได้อย่างชัดเจน
4)    Naive (ซื่อๆ,ไร้เดียงสา) คนซื่อๆ ไร้เดียงสา แต่ก็ประสานงานได้ดีครับ คนที่มีลักษณะนี้ก็มีความความคล่องตัวไม่แพ้กับคนที่ร่าเริงเลยครับ แต่แสดงออกมาได้อย่างชัดเจนเลย

4 นิสัยผู้มีพลังพิเศษ
1)    Modest (ถ่อมตัว) เป็นผู้น้อยต้องถ่อมตัว เคารพผู้ใหญ่เป็นธรรมดา แต่การถ่อมตัวนั้นเป็นวิธีการคุณสมบัติของผู้ดีเก่า การถ่อมตัวทำให้พลังที่อยู่ข้างในมันดันออกมา แต่ความสามารถพิเศษขึ้นอยู่กับบุคคล ว่าคุณมีความถ่อมตัวมากน้อยแค่ไหน
2)    Mild (อ่อนโยน) จิตใจที่อ่อนโยน แต่แข็งแกร่ง มีจิตใจที่เข้มแข็งถึงได้มีความพิเศษในตัว คนที่อ่อนโยนไม่ได้หมายความว่าอ่อนแอ แต่เขาปิดบังสถานะเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งของเพื่อนฝูง อ่อนโยนได้ ย่อมแข็งแกร่งได้
3)    Quiet (เงียบสงบ) ความสงบนิ่งทำให้มีพลังใจที่แข็งแกร่ง ใครที่เป็นคนธรรมะ ต้องข้อนี้เลยครับ พลังพิเศษเกิดจากความสงบนิ่งภายในใจของเรา การไม่คิดฟุ้งซ่าน ทำให้สมองของคุณโล่ง ทำให้รู้สึกถึงความว่างเปล่าที่อยู่ในใจ
4)    Rash (ผลีผลาม) คำพูดที่ว่า “อย่าผลีผลามให้มันมากนะ” หมายถึงความใจร้อน คิดแต่จะเอาแต่ได้ ในอีกมุมมองหนึ่งผมก็ให้คำจำกัดความ หรือมันอาจจะหมายถึง คนที่คิดเร็ว กล้าตัดสินใจที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งมันก็มีข้อดีและข้อเสียอยู่

4 นิสัยผู้มีภูมิคุ้มกัน
1)    Calm (ใจเย็น) เมื่อมีความสงบ ความใจเย็นที่ยึดอยู่กับตัวจะตามมา เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีอย่างหนึ่ง เมื่ออีกฝ่ายจะเอาชนะด้วยวิธีการของเขา แต่เราก็มีวิธีการรับมือด้วยเช่นกัน ความสงบความใจเย็นนี่แหละสำคัญ สร้างภูมิคุ้มกันแล้วรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ
2)    Gentle (สุภาพ) ความสุภาพเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี การให้เกียรติ การยกย่องคนอื่นเป็นสิ่งที่ดี ความเป็นสุภาพชนสร้างภูมิคุ้มกันได้ในระดับหนึ่ง
3)    Sassy (หน้าด้าน,ทะลึ่ง) หน้าด้านแล้วไง หรืออาจจะทะลึ่งไปบ้าง หรือซุกซนที่ไปยุ่งกับคนอื่น ใครที่เคยชินกับการโดนด่าต้องข้อนี้เลยครับ โดนด่าแล้วไง แต่เขาก็สร้างภูมิคุ้มจนถึงเลเวล 99 ได้นะ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงไปบ้าง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีภูมิคุ้มกันจนถึงทุกวันนี้หรอก

4)    Careful (ระมัดระวัง) ระวังทางที่อยู่ข้างหน้าได้ แต่การระแวงคนอื่นนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะดี คนที่กลัวว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นกับตน มันก็ต้องระมัดระวังหน่อย สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา เพื่อไม่ให้ใครมาทำร้ายเราได้

15 มิ.ย. 2559

ไม่มีดิน ก็ไม่มีกระดูก ไม่มีอากาศ ก็ไม่มีลมหายใจ


ไม่มีเพลิงไฟใด ก่อให้เกิดพลัง นอกจากในใจของเราเอง
ไม่มีแหล่งน้ำใด ที่ทำให้มีชีวิต นอกจากการไหลเวียนของเราเอง
ไม่มีพื้นดินใด ที่เป็นแรงกำลัง ที่คุณสามารถยืนและเดินเองได้
ไม่มีอากาศ ก็ไม่มีลมหายใจ อากาศหมดเมื่อไร ก็เมื่อนั้น...

ไม่มีกำแพงใด หรือทำให้คุณยึดติด นอกจากคุณจะสร้างมันขึ้นมา
ไม่มีธรรมชาติใด เป็นรากฐานชีวิต นอกจากคุณจะเลือกเส้นทางชีวิตเอง
ไม่มีจิตวิญญาณใด ที่หลอกหลอน นอกจากคุณจะกำหนดจิตได้ด้วยตนเอง
ไม่มีแสงสว่าง แต่มันส่องสว่างทั่วร่างกายของคุณ ทั้งกายและจิตใจ

          ความแข็งแกร่งเป็นสิ่งที่สร้างได้ ทั้งทางกายภาพและจิตใจ ไม่มีสิ่งใดได้มาง่ายๆ เพราะมันอยู่รากฐานแห่งจิตที่สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา ถ้าส่วนใดไม่มีหรือหมดไป มันก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้ หรือถ้ามันมีมากเกินไป ก็จำเป็นต้องละให้มีความเสมอภาคเท่าๆกัน

          การมีชีวิตอยู่เป็นวงจรชีวิต เพราะถ้าไม่เข้าใจมัน ก็ทำให้เกิดความขัดแย้งได้ เหมือนสงครามภายในการต่อสู้ระหว่าง 8 ธาตุ ที่ทำให้เรานอนซมอยู่ก็ได้

13 มิ.ย. 2559

ผู้กล้าแห่งความอดทน (Murmillo)

ความอดทนมาจากที่ไหน แล้วมันคืออะไร อะไรคือกำแพงเหล็ก ยิ่งสูงเท่าไรถึงจะโต้ตอบกลับได้ อะไรคือพลังขับเคลื่อนที่จะก้าวไปข้างหน้า และนี่คือประวัติศาสตร์ของนักรบในอดีต
ผู้กล้าแห่งความอดทน หรือเต่าจอมพลัง (Murmillo) เป็นหนึ่งในสี่จตุรเทพ เป็นรองมาจากวิหคเพลิง หรือนกฟินิกซ์ในตำนาน (Phoenix) มีการกล่าวเอาไว้ว่า "ความอดทนนั้นมีอยู่ในใจของคนทุกคน อยู่ที่ว่าคุณจะอดทนและต้านทานได้แค่ไหน ภูมิต้านทานก็คือความอดทน มันจะเป็นพลังที่ไร้ขีดจำกัด" แม้แต่การต่อสู้ของนักรบคนนี้กับมังกรหรือวิหคเพลิง ก็ได้ใจไปครอง เมื่อวิหคคือชีวิต ความอดทนและภูมิต้านทานของเต่าจอมพลังจึงตามมาตามลำดับ

"ความอดทน ไม่มีสูง ไม่มีต่ำ ความอดทนก็เปรียบเสมือนกับโล่ และเป็นพลังขับเคลื่อน และพร้อมที่จะโต้ตอบกลับไปได้ทุกเมื่อ เพราะถ้าความอดทนของคุณมีขีดจำกัด มันก็แตกสลายไปตั้งแต่เพียงแค่ก้าวไปแค่ 2-3 ก้าวเท่านั้น และไม่มีทางได้ใจของคนที่อยู่ข้างหน้า" เขาจึงตัดสินใจสร้างโล่ที่แข็งแกร่งที่สุดออกไปนำทัพ พร้อมกับการจารึกชื่อเอาไว้ในประวัติศาสตร์ ความอดทนของเขาทำให้เป็นผู้กล้า
ย้อนกลับไปในยุคสมัยของกรุงโรม ในยุคที่เจริญรุ่งเรือง ไม่ว่าจะเป็นในอารีน่าหรือโคลอสเซียมทีมีการต่อสู้ท้าประลองกัน ต่างก็มีนักรบเกิดขึ้นมากมายและใช้อาวุธที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนั้นยังมีชื่อเรียกขานขนามนามอีกด้วย
แล้วใครล่ะที่เรียกว่าเป็นผู้ที่อดทน ใจสู้มากกว่าคนอื่นๆ มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์สุดท้าย และได้พบกับจตุรเทพ 4 เหล่า เต่าจอมพลัง เสือเขี้ยวดาบ มังกร และวิหคเพลิง มีการพิชิตมาแล้ว แต่พลาดท่าซะส่วนใหญ่ แต่มีนักรบอยู่คนหนึ่งที่ไม่เหมือนคนอื่น ครั้งแรกเมื่อเขาได้พบเต่ายักษ์ว่ายังมีสหายที่แตกต่างจากเขาและแข็งแกร่งกว่า แต่ก็ไม่มีมนุษย์ผู้ใดอดทนพอที่จะเอาชนะพวกเขาได้
ความอดทนของมนุษย์มีขีดจำกัด แต่ก็มีคำกล่าวของเต่าจอมพลัง หนึ่งในสี่จตุรเทพ “ชีวิตทุกชีวิตต้องมีความอดทน เพราะถ้าไม่อดทนก็ทำให้เราล้มได้ ความอดทนเป็นพลังที่ไร้ขีดจำกัดที่สามารถต่อสู้ยืนหยัดกับชีวิตเราได้” ก่อนที่เต่ายักษ์ถูกโค่นไป ก็ได้กล่าวกับคนผู้นั้น
ความอดทนทำให้เราได้ใจของคนอื่น หรือเป็นอย่างอื่นที่เราก็ชนะใจตัวเอง เพราะเราจำเป็นต้องมีความอดทน และในชีวิตจริงเราต้องอดทนกับอะไรบ้าง
  1. อดทนที่ต้องแบกรับภาระต่างๆ เช่น เพื่อน ครอบครัว คนรัก เป็นต้น เพราะปัญหามีเหมือนกันหมด ค่าใช้จ่ายต่างๆ ความรับผิดชอบ
  2. อดทนกับคำพูดของคนที่พูดไม่ดีกับคุณ ในบางครั้งก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะถ้าไม่อดทนก็อาจเสียทั้งงานและอื่นๆ ได้
  3. อดทนกับหน้าที่การงาน มันอาจเป็นจุดเลี้ยวหัวต่อ หรือทำให้คุณดูดีขึ้น
  4. อดทนกับสภาพแวดล้อมสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป จุดสำคัญคือสังคม เพราะสังคมทำให้คุณมีเพื่อน บางครั้งก็ต้องยอมรับในข้อเสียของคนอื่น มันคือการอยู่ร่วมกันของสังคม ไม่ว่าใครที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของคุณ ต้องยอมรับมันให้ได้
  5. อดทนกับแรงต้านทานที่อยู่ตรงหน้าคุณ เปลี่ยนจากของหนักให้กลายเป็นเบา มันก็เหมือนกับไปเสียดสีกับพลังของศัตรู ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าคุณไม่คิดอะไรมากและอดทนแบกรับของหนักหรือช่วยๆกัน ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้
  6. อดทนหรืออดกลั้นเมื่ออยู่ในน้ำ เป็นคำเปรียบเปรย เพียงแค่อึดใจเดียวก็ทำได้แล้ว ฝึกความอดทนความอดกลั้นของตนเอง ตั้งโจทย์ให้ตัวเองแล้วลงมือทำ หรือเมื่อเข้าตาจน อดทนจนกว่าเหตุการณ์จะผ่านไปด้วยดี
  7. อดทนคือภูมิปัญญา ในบางครั้งเราคงไม่ได้โชคดีกันบ่อยๆ ความอดทนทำให้คุณแน่วแน่อาจพอคิดหาหนทางที่ต้องเดินไปต่อ เพราะมันไม่ได้อยู่เฉยๆ คุณค่าของคนที่อดทนทำให้คุณรู้จักการสงบนิ่ง เมื่อมีภูมิปัญญา-ความอดทนก็สอนคุณได้


ความอดทนสอนคน สอนให้เป็นผู้กล้า ทุกวันนี้ถ้าเราไม่อดทน มันก็อยู่ไม่ได้ เมื่อมีภูมิปัญญามันจะชี้นำให้เราอดทนต่ออุปสรรคต่างๆ