ขอบคุณ Background HD |
" แรงโน้มถ่วงระหว่างบวกลบ ความเข้ากันได้ที่ไม่มีสิ้นสุด "
ในโลกมีสรรพสิ่งรอบตัวประกอบด้วยสภาวะที่เป็นบวกและลบเข้าด้วยกัน
ในมุมมองของศูนย์กลางจักรวาล ใช่ว่าจะต้องเป็นคนกลางที่คอยแบกรับเสมอไป
หมู่ดาวใดที่ก่อตัวเป็นครอบครัวก็มักแบกรับความทุกข์สุขของเราด้วยเช่นกัน
แม้แต่เพื่อนฝูงยังดึงดูดกันได้ ในระบบจักรวาลมันกว้างกว่าการท่องโลกซะอีก
สรรพสิ่งมีทั้งที่เราสามารถสร้างสรรค์เองได้ ขึ้นมาเป็นวัตถุนิยม
แต่ที่ยากไปกว่านั้นคือพลังแห่งจักรวาลเราไม่สามารถสร้างเองได้ ทุกๆ
สรรพสิ่งในจักรวาลล้วนมีชีวิต ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป มีเพียงแค่ฝุ่นละอองเล็กๆ
ก่อตัวกัน เป็นปรากฏการณ์ฝนดาวตก ที่เป็นความเชื่อในการขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์จนสืบไป
ชื่อเต็มเรื่องคือ ศูนย์กลางแห่งจักรวาลและดุลแรงโน้มถ่วงของโลก (Center of the universe and
balances the force of gravity) เป็นการกล่าวถึงสภาวะจิตที่แตกต่างอันประกอบด้วยด้านบวกและด้านลบ
การดึงดูด และการเข้าหากัน พลังธรรมชาติในตัวเรา ที่ตัวเรานั้นเคยได้ใช้พลังเนรมิต
พลังพวกนั้นมีที่มาอย่างไร การดึงดูดที่ไม่ลงตัว
ทำให้กี่ชีวิตจบมาตั้งเท่าไรกันแล้ว เหนื่อยมั้ยที่ต้องแบกรับอยู่แบบนั้น
เป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาล แบกรับทุกเรื่อง ทุกปัญหา
และเป็นปัญหาที่เราต้องคอยตามแก้ไขตลอดเวลา
บทบาทของศูนย์กลางแห่งจักรวาล
เป็นแหล่งรวมตัวของสสารมารวมตัวกันเป็นหมู่ดาวและการสังเคราะห์แสงของดวงอาทิตย์ทำให้เกิดแสงสว่าง
สิ่งที่แตกต่างกันออกไปคือความมืด
หากจิตใจเรามืดบอดก็มองไม่เห็นอะไรอีกแล้วในชีวิต
ยิ่งความคิดเราก่อตัวให้เป็นพลังด้านบวก ยิ่งมีพลังเพิ่มมากขึ้น
การก่อตัวของพลังงานด้านบวกและลบ มีอยู่ภายในตัวเราอยู่แล้ว
ซึ่งอยู่ที่ว่าคุณนั้นจะคิดนำในลักษณะแบบไหน
คิดนำในด้านลบยิ่งทำให้หน้าที่การงานของเราแย่
สู้เอาสิ่งที่เราได้จากด้านลบมาแก้ไขไม่ดีกว่าเหรอ
แก้สิ่งที่เป็นจุดบอดตัวเราเองก่อนที่จะไปถ่ายทอดให้คนอื่น ไม่อย่างนั้น
จะให้คนอื่นประสบความสำเร็จกันได้อย่างไร แปรพลังงานด้านลบเข้าสู่พลังงานด้านบวก
ให้สิ่งเหล่านั้นได้นำความคิดคุณไป ทำให้เป้าหมายของเรานั้นชัดเจนยิ่งขึ้น
และมองเห็นอนาคตว่าคุณก็ทำได้
พลังงานแห่งจักรวาล แตกต่างจากพลังนิมิต พลังนิมิตเกิดจากจิตในภาวะที่สงบนิ่ง
พลังจักรวาลแปรเปลี่ยนสภาวะลบเข้าหาด้านบวก เพราะมันดึงดูดเข้าหากัน
ทำให้เกิดเป็นดุลแรงโน้มถ่วงขึ้นมา ได้แก่
1. พลังงานด้านลบ (Negative Energy) สิ่งต่างๆ รอบตัว
ไม่ว่าจะเป็นคนรอบตัวที่นำเรื่องลบๆ เข้ามา ทำให้เกิดการฟุ้งซ่าน
พอเราคิดมากไปคิดเยอะก็เป็นทุกข์ หรือมองแต่ภาพลบๆ เช่น ข่าวต่างๆ
ที่เป็นเหตุต้องระวังภัย พอคิดมากไป ก็เพิ่มพลังงานด้านลบให้ตัวเรามากขึ้นเท่านั้น
บริโภคข่าวสารพวกนี้ให้น้อยลง หันบริโภคข่าวสารอื่นๆ
ที่แปรรูปพลังงานเป็นด้านบวกจะดีกว่า
2. พลังงานด้านบวก (Positive Energy) ประกอบด้วยคนรอบตัวซึ่งให้กำลังใจกันและกัน
สัมพันธ์มิตรภาพไมตรี ภาพความทรงจำดีๆ ที่ได้เคยร่วมทำกันมา
ทำให้เป็นวิชาชีพที่มีแต่ความสุข และความสุขเหล่านั้นก็จะตอบสนองแก่เรา คนที่พูดดี
ให้ข้อมูลความรู้ต่างๆ ในฐานะผู้ตามเขาก็อยากให้เราประสบความสำเร็จ
คนที่นำความคิดดีๆ ไป ย่อมนำสิ่งที่ดีมาให้เราเสมอ
3. พลังงานด้านบวกลบ (Subtractive Energy) พลังงานก่อตัวทั้งด้านบวกและด้านลบ
ในศูนย์กลางแห่งจักรวาลย่อมดึงดูดกันและกัน อย่างที่ว่า ‘ด้านลบมีไว้แก้ ด้านบวกมีไว้นำ’ จำไว้เลยว่ากฎของดุลแรงโน้มถ่วงย่อมเสมอภาค
ถ้าจดจำเรื่องนี้ได้ ก็นำไปสู่วิธีคิดที่ประสบความสำเร็จได้
ดุลแรงน้ำหนักของด้านบวกและลบ ผมบอกเลยนะว่า
โลกนี้บริโภคพลังงานด้านลบมากกว่า 50%
แต่คนที่นำทำงานธุรกิจเครือข่ายหรือองค์กรต่างๆ กลับต้องการพลังงานด้านบวกมากกว่า
แต่ส่วนใหญ่แล้วที่ต้องการนำไปใช้มากที่สุดคือพลังงานด้านบวกลบ
เพราะมีทั้งสองด้านและต้องการพลังด้านบวกมากกว่าด้านลบ ในจักรวาลนี้มีทั้งบวกและลบ
มีโลกเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาล ถ่ายเทน้ำหนักของกันและกัน คือการคงอยู่ของโลก
พอเป็นตัวเรา เมื่อประสบกับปัญหาอะไร มาแล้ว นั่นไงปัญหาด้านลบ
ต้องตามแก้ให้ปัญหาเหล่านั้นคลายตัว มันก็โคจรมาได้เสมอนั่นแหละ
การเผชิญกับปัญหาใดๆ ที่ไม่มันไม่โอกาสกลับมาได้อีก
นั่นคือคนที่ตกสู่หลุมดำไปแล้ว หลุมดำเป็นหลุมที่ลึกที่สุด
เท่ากับดวงจิตไม่อยู่กับตัว เหมือนตกลงสู่ห้วงแห่งจิตใจ เป็นอีกมิติหนึ่ง
ไม่มีความรู้สึก ไม่มีความคิด ไม่มีอารมณ์ เป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิงนิทราที่หลับไปแล้ว
อย่างไม่มีวันตื่นได้อีกเลย อะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ไม่ควรที่จะเสี่ยง
พอถึงเวลามันแก้ยาก
พลังงานด้านลบ ยิ่งเดินไปไกลเท่าไร ยิ่งเข้าใกล้หลุมดำมากเท่านั้น
แค่ความต่างของหมู่ดาวระยิบระยับกับความมืดที่มืดมิด ก็ไปกันคนละทางแล้ว
มีดาวสักดวงเอาไว้คว้าไว้สักหนึ่งดวงก็ยังดี อย่างน้อยก็มีด้านบวกมาเสริม
และปลุกพลังใจตนเองให้สว่างไสวเท่ากับหมู่ดาวหมู่มากที่ให้เรามาเป็นพลังในการดำเนินชีวิตมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น