หน้าเว็บ

13 ธ.ค. 2559

เขียนเรียงความ เสด็จประทับอยู่

ภาพในงานศพคุณปู่
เรื่อง เสด็จประทับอยู่...
ผู้เขียนเรียงความ อมเรศ แย้มสรวล                                                  บทเพลง อิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา

         จากวัยเด็กของผม จนถึงตอนนี้ก็อายุครบ 30 ปีแล้ว อายุห่างจากพี่ต้า เกือบสิบปี แต่มีอยู่สองเรื่องที่อยากจะบอกกล่าวก็คือ ถ้าผมอยู่เป็นเด็กกรุงเทพฯ ก็คงจะได้เติบโตมากับพี่ต้า และไม่แน่ว่าอาจจะได้เข้าวงการบันเทิงก็ได้ เรื่องที่สองคือ...จากวัยเด็กที่ผมจำไม่ได้ แต่พอมาเห็นรูปผมกับครอบครัวกฤดากร และครอบครัวเทียนทอง ก็อยู่ในงานศพคุณปู่ (คุณตาของพี่ต้า) ซึ่งเป็นงานศพพระราชทานฯ ซะแล้ว
      ประวัติของผม คุณพ่อเป็นคนกรุงเทพฯ แม่คนภูเก็ต และทางฝ่ายแม่ก็เป็นเชื้อสายจีนฮกเกี้ยน ซึ่งมาจากปีนัง คุณพ่อของผมเป็นลูกคนที่สาม มีพี่สาวสองคนและน้องสาวหนึ่งคน และพี่สาวคนโตหรือคุณแม่ของพี่ต้า พี่สาวของคุณพ่อคนที่สองเป็นครู และส่วนของน้องสาวคุณพ่อเป็นนักจัดรายการวิทยุชื่อดัง รู้จักกันในนาม Thewi TopSelection คลื่น 104.5 FM
         เสียดายที่พ่อแม่ผมไม่ยอม เลี้ยงลูกเอง ผมเติบโตที่จังหวัดภูเก็ต มีน้องชายอีกหนึ่งคน นี้ถ้าผมอยู่กรุงเทพฯ กับคุณปู่คุณย่าก็คงจะดังไม่มากก็น้อย เข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ
       พี่ต้าเป็นหลานคนแรกของตระกูลที่คุณปู่คุณย่ารักมากที่สุด ผมขออนุญาตเรียกคุณยายตามพี่ต้านะครับ พี่ต้ารักคุณตาคุณยายมากที่สุด จนพี่ต้าเองก็วาดรูปครอบครัว มีคุณตา ไว้ระลึกอยู่เสมอว่าคุณตาก็อยู่กับพี่ต้าตลอดเลยครับ ผมไปเยี่ยมคุณย่าหรืออยู่เป็นเพื่อน คุณยายก็ชอบเล่าเรื่องในอดีตและพี่ต้าอยู่เสมอ บางคืนที่ท่านฝันก็เพ้อไปบ้าง ถึงคุณตา (คุณปู่) ไม่อยู่แล้ว คนแรกที่ท่านนึกถึงมากที่สุดก็คือพี่ต้า พี่ชายผมมีแฟนคลับเยอะมาก จนบางทีของที่แฟนคลับให้ก็เยอะซะเหลือเกิน ช่วงหนึ่งปีสองปีที่ผ่านมาพี่ต้าก็ให้ตุ๊กตาไว้ให้คุณยาย ท่านกอดติดตัวเสมอ เพราะพี่ต้างานเยอะ บางทีก็เดินสายออกต่างจังหวัด
    คุณปู่ของผมหรือคุณตาของพี่ต้า ในหนังสือประวัติของคุณปู่ในงานศพพระราชทาน ผมก็ไม่คิดว่าตอนผมเติบโตเป็นผู้ใหญ่จะหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน มีทุกอย่างรวมไปถึงงานวาดเขียนของพี่ต้า งานราชการ รวมไปถึงหม่อมหลวงหม่อมราชวงศ์ต่างๆ ซึ่งคุณทวดของผมก็อยู่หนึ่งในนั้นด้วย ตอนเด็กผมคิดไม่ทันเพราะยังเด็กเกินไป ไม่มีความรู้ ผมโตมาถึงได้รู้ว่าการเกิดขึ้นของงานพระราชทานเพลิงศพเกิดขึ้นได้อย่างไร

       จากใจของผมถึงพี่ต้า ถึงผมจะไม่ได้เป็นคนดังอะไร แต่ผมก็รักพี่ชายคนนี้เสมอ หลายปีที่ผ่านมาให้ของมามากมาย เสื้อผ้าที่ผลิตออกมาแต่ละตัวและในแต่ละอัลบั้ม รวมไปถึงโปสเตอร์และซีดีเพลง ผมขอบคุณมากครับ เบื้องหลังความสำเร็จคือแรงบันดาลใจจากครอบครัว ผมไม่มีอะไรจะให้ มีแต่กำลังใจล้วนๆ ขอให้มีความสุขมากๆ และประสบความสำเร็จเจริญให้ยิ่งขึ้นไปนะครับ

       ในพระบรมโพธิ์สมภารอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การคงอยู่หรือท่านสิ้นก็เป็นความทรงจำที่สำคัญที่สุดของชาวไทย ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ใด ท่านก็ยังคงอยู่ เสด็จประทับอยู่ที่นี่...
          เมื่อผมจัดทำเว็บเพจ คำคม ก็ทำโครงการนี้ซะเลย เพราะในเมื่อคำคม คำปรัชญา เป็นองค์กรความรู้ไม่แสวงหากำไร มันก็เกี่ยวกับการศึกษาตามโครงการพระราชดำริ และนี่คือตัวตนของผม

          สุดท้ายนี้ ผมจะกล่าวถึง การทำดีเพื่อพ่อ ที่แท้จริง ตามพระบรมราโชวาท ขณะที่พระองค์ทรงผนวช เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๙๙ ได้กล่าวถึง กรรมบถ ๑๐ มีอะไรบ้าง
           ผมขอให้ท่านทั้งหลาย จงมีความสุขความเจริญ ประสบความสำเร็จให้ยิ่งขึ้นไป

7 ธ.ค. 2559

ความเพียรในการทำความดี

ต้นจามจุรี ๕ ต้น ที่พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ทรงปลูกไว้เมื่อ ๑๕ มกราคม ปีพุทธศักราช ๒๕๐๕ ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ภาพ หอจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มา Baabin.com

ความเพียร เป็นอุปการะสำคัญต่อการปฏิบัติตน ปฏิบัติงาน ถ้าทุกคนในชาติจะได้ตั้งตนตั้งใจอยู่ในความเพียรดังกล่าว ประโยชน์และความสุขก็จะบังเกิดขึ้นพร้อม ทั้งแก่ส่วนตัวและส่วนรวม

ผมได้อ่านหนังสือ คำสอนของพ่อ เรื่อง...ความเพียร ทำให้ผมเข้าใจว่า หลายคนที่ทำความดี แต่ก็ยังไม่ได้รับผลแห่งการกระทำความดี เหตุเป็นเพราะขาดความเพียรไป และความเพียร ๔ ข้อ ที่ผมจะกล่าว ได้แก่
๑. ทำความดีไม่มากพอ
๒. ทำความดีไม่สม่ำเสมอ
๓. ทำความดีแล้วต้องการผลโดยเร็ว
๔. ทำความดีอย่างไม่ตั้งใจหรือทำความดีเพื่อหวังเอาผลประโยชน์

หลักธรรมความเพียร ๔ ข้อ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีดังนี้
๑. ลูกต้องเพียรระวังยับยั้งบาปอกุศลกรรม ที่ยังไม่เกิดมิให้เกิดขึ้น
๒. ลูกต้องเพียรละบาปอกุศลกรรมที่เกิดแล้วให้หมดไป
๓. ลูกต้องเพียรทำกุศลกรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นให้เกิดมีขึ้น
๔. ลูกต้องเพียรรักษากุศลกรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้ตั้งมั่นเจริญและไพบูลย์


“จงดูต้นไม้เป็นตัวอย่าง... ต้นไม้ทนความร้อนของพระอาทิตย์ แต็ก็ยังให้ร่มเงาที่เย็นชื่นใจแก่เรา” คนเราเกิดมาต้องทำประโยชน์แก่ผู้อื่นมากกว่าตนเอง

4 ธ.ค. 2559

กรรมบถ ๑๐ (แนวทางแห่งความดี)

ครั้งที่พระองค์เสด็จออกทรงพระผนวช
ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2499

ภาพ amuletdaily.com

     กรรมบถ ๑๐ (แนวทางแห่งความดี) ตามหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จักต้องกระทำทั้ง ๓ ทาง ได้แก่ การกระทำความดีทางกาย ทางวาจา และทางใจ โดยมีในหลักกุศล กรรมบถ ๑๐ ดังต่อไปนี้

๑. เว้นจากการทำลายชีวิต
๒. เว้นจากการเอาของที่เขาไม่ให้
๓. เว้นจากการประพฤติผิดในกาม
๔. เว้นจากการพูดเท็จ
๕. เว้นจากการพูดส่อเสียด
๖. เว้นจากการพูดคำหยาบ
๗. เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ
๘. ความไม่คิดอยากได้ของผู้อื่น
๙. ความไม่คิดร้ายต่อผู้อื่น
๑๐. ความเห็นชอบถูกต้องตามทำนองคลองธรรม


     การละเว้นทั้ง ๑๐ ตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือว่าได้ปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นอันก่อให้เกิดความสุข ความเจริญ และเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวอย่างแน่นอน

2 ก.ย. 2559

คำปรัชญาก็คือความรู้

ยกคำคมไม่ได้อวดฉลาด แต่เป็นตัวอย่างที่ดีของสังคม
          คำปรัชญา คำกล่าวมากมาย ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ปัจจุบันเป็นคลังความรู้ชั้นเยี่ยมที่บางคนยังมองไม่เห็น ผมไม่ได้อวดฉลาดอวดฉลาด แต่ผมกล้าที่จะเรียนรู้จนเป็นธุรกิจของตนเอง
          การศึกษาเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ ในทำนองเดียวกัน การเขียนก็เป็นการเพิ่มทักษะให้ตนเอง ซึ่งมันไม่เคยมีสอนในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย มีแต่คำถามโจทย์ข้อสอบเจ้าของคำปรัชญาต่างๆ อยู่ที่ว่าจะนำมาใช้ในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้นแค่ไหน

          3 นักปรัชญาที่เป็นความรู้และแรงบันดาลใจสำหรับพวกเรา ได้แก่ โสเครติส เพลโต และอริสโตเติล มีคำจำกัดความของความคิดและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ปัจจุบันมีการใช้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มากถึง 80% กันเลยทีเดียว ก็แล้วแต่ในทางวิชาชีพ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีขายกันโดยทั่วไป ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มาจากทักษะความสามารถติดตัวเรา แต่ถ้าคุณผลิตแล้วขายได้ มันก็เป็นธุรกิจของคุณได้
          สำหรับผม มีความสนใจที่จะนำสิ่งเหล่านี้มาพัฒนาให้ดีขึ้น แต่ผมไม่ได้มองว่ามันเป็นธุรกิจ มันเป็นการศึกษาที่ทุกคนต้องเรียนรู้ ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็เขียนได้ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆ มากขึ้น ความรู้เหล่านี้ทำให้ผมตีโจทย์ความเป็นครูได้
          เพราะความเป็นครูทำให้ผมรัก

ความคิด คำปรัชญา ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
แต่มันทำให้เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ๆ ขึ้นมา
สู่คนรุ่นหลังนำมาใช้ในชีวิตประจำวันให้ดีขึ้น

          ผมก็หวังว่า การศึกษาเป็นผลประโยชน์และคำตอบที่ดีกับคนรุ่นหลังได้ครับ

บางครั้งความโง่ก็ทำให้คุณฉลาด

โง่แต่ผมไม่ได้บ้า แต่ถ้าผมโง่ก็ต้องยอมรับบางสิ่งที่คนอื่นพูดหรือติชมได้
          ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับ โดยพื้นฐานเราก็เติบโตมาตั้งแต่เด็ก มีความโง่และความฉลาดเท่าเทียมกัน จนกระทั่งเติบใหญ่ ในทางตรงกันข้ามความฉลาดทำให้การเติบโตในทางธุรกิจน้อยลง
          พวกเราเติบโตได้ เพราะความรู้ อยู่ที่การเติบโตของแต่ละคน การเรียนการศึกษาของแต่ละคน แต่การเรียนรู้อย่างซ้ำๆ ทำให้คุณมีประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มมากขึ้น สิ่งเหล่านี้จะเข้าไปพัฒนาตัวคุณและคนอื่นๆ ที่ติดตามคุณ
          คนที่ฉลาดที่สุดต้องเรียนรู้จากคนโง่ แต่ในบางครั้งการยอมเป็นคนโง่เพื่อทำให้พวกเขามีสติปัญญา มีประสิทธิภาพ กล้าคิดกล้าแสดงออก ในภาคปฏิบัติ การยอมเป็นคนโง่ ไม่ใช่ตัวเราที่ฉลาดขึ้นได้ แต่เป็นพวกเขาที่ได้พัฒนาศักยภาพ ประสบการณ์ และประสบความสำเร็จเท่าทันตามคุณนั่นเอง

11 ส.ค. 2559

Most 20 Quotes for Mom [Mother's Day]


          เนื่องด้วยในวันแม่ ผมจึงจัดทำคำคม 20 บท สุขสันต์วันแม่กันทุกครอบครัวครับ ขอให้มีความสุขความเจริญ สุขภาพร่างกายแข็งแรงครับ
ไม่มีใครแทนที่แม่ได้ เธอทำให้ผมเติบโตทั้งความคิดและการกระทำ เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเดินตาม

คำอวยพรเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้ามันมาจากพ่อแม่ จงรับมัน บอกรักท่าน และเข้าไปกอดท่าน

การทำเพื่อแม่เท่ากับการให้ความสุขของคนในครอบครัว
ความสุขของคนในครอบครัวเท่ากับการที่ลูกได้กลับมาบอกรักท่าน

ไม่ว่าพ่อหรือแม่ต่างก็สอนผมว่า ทำงานให้สนุก และมีความสุขกับงานที่ผมรัก
อย่างไรก็ตามมันก็เป็นการตัดสินใจของคุณ คุณเลือกที่จะก้าวต่อไป

ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จ อย่าลืมพ่อแม่ของคุณ เพราะพวกเขาให้สิ่งที่ดีที่สุดมากมายสำหรับคุณ

ไม่มีสิ่งใดมากไปกว่าความรักของแม่ เพราะเธอคือคนที่อยู่เคียงข้างคุณเสมอ

ความกตัญญูเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่ความรักของแม่ทำให้ลูกรักแม่มากขึ้น

ไม่มีสิ่งใดสามารถบรรยายความรักของครอบครัวได้ พวกเขาสอนให้ผมได้รู้จักกับความรักที่มันมีมากกว่า

ผู้หญิงแข็งแกร่งกว่าผู้ชาย แม่สอนให้ผมลุกขึ้น และแข็งแกร่งด้วยตัวเอง

ต้นไม้แข็งแกร่งที่สุด เมื่อพ่อแม่สอนให้ผมปลูกต้นไม้
ดังนั้นชีวิตของมันจึงเปรียบเสมือนชีวิตของผมที่เติบโตมา

วันใดคุณไม่มีความสุข แต่คุณต้องการกำลังใจจากคนที่สำคัญที่สุดก็คือพ่อแม่

การไม่พูดคำหยาบเป็นสิ่งที่ดี เมื่อมีคนพูดกล่าวถึงคุณ
ไม่ใช่แค่ชื่นชมคุณ แต่ชื่นชมพ่อแม่ของคุณที่สอนคุณมา

ฉันดีไม่พอหรืออะไรที่ทำให้ฉันไม่สบายใจ แม่นี่แหละ เธอคือคนที่เข้ามาทำให้ผมมีความสุข

เมื่อฉันยังเด็ก ฉันจำได้ว่า ฉันวิ่งเล่นอย่างซุกซน ทุกครั้งที่ฉันล้ม พ่อแม่หยิบยื่นช่วยเหลือผมเสมอ

ฉันไม่เคยโดดเดี่ยว แต่ฉันยังมีพ่อแม่ เพื่อน และคนที่ฉันรัก อยู่เพื่อคนที่รักฉัน

สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากพ่อแม่ ทำให้ผมเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

ความสัมพันธ์ในครอบครัวมีมากเกินกว่าที่ไม่สามารถอธิบายได้ เพราะไม่มีใครมาแทนที่พ่อแม่ของฉันได้

ไม่ว่าใครก็อยากจะเก็บควาทรงจำที่ดีที่สุดไว้ เพราะครั้งหนึ่งในวัยเด็ก มีแต่ความทับใจที่ดี เมื่อคุณนึกถึงมัน

พ่อแม่ทำทางเดินให้ลูกได้ก้าวเดินสู่อนาคตที่ดี แต่ลูกต้องมีจุดหมายปลายทางที่วาดฝันด้วยตัวลูกเอง

ทุกครั้งที่แม่หยิบยื่นมือช่วยเหลือ มันมีพลังบางอย่าง เพราะผมเชื่อว่ามันทำให้ผมลุกขึ้นสู้

20 มิ.ย. 2559

ธรรมชาติเป็นผู้สร้างมา กับ 5กลุ่มลักษณะนิสัย


ธรรมชาติเป็นผู้สร้างมา หรือความเป็นส่วนตัวที่ใครหลายคนสงสัยว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร และในแต่ละลักษณะที่แตกต่างกันออกไปนั้นมีอะไรกันบ้าง

4 นิสัยผู้มีพลังอันแข็งแกร่ง
1)    Lonely (โดดเดี่ยว) เวลาที่เงียบเหงา แต่ในใจลึกๆ ก็ลุกขึ้นสู้ ในบางครั้งการอยู่คนเดียวก็เป็นการทบทวนเวลาที่ผ่านมา ว่ามีอะไรบ้างที่ต้องแก้ไข ผู้ที่อยู่ในลักษณะนี้จะต้องระวังมากที่สุดคือคนที่อยู่รอบตัวหรือเพื่อน เพราะสิ่งที่ตามมามันไม่คุ้ม มิฉะนั้นจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวแบบนี้ไปตลอดชีวิต
2)    Brave (กล้าหาญ) คุณก็เป็นผู้กล้าได้ มีความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้า และรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของคุณ กล้ายอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ถึงจะเรียกว่าเป็นผู้กล้าที่แท้จริง
3)    Adamant (แข็งแกร่ง) คุณนั้นเปรียบเสมือนกับเพชรที่กำลังส่องประกาย เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง มีความสามารถเป็นผู้นำ
4)    Naughty (ซน,แก่นแก้ว) อาจจะดูบ้าบอไปบ้าง แต่ก็มีความพยายามมากพอที่จะก้าวไปสู่ความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา และแตกต่างจาก 3 ข้อดังกล่าวข้างต้น

4 นิสัยผู้มีพลังต้านทาน
1)    Bold (กล้า) คุณมีความกล้าที่จะยอมรับว่า คุณสามารถแบกรับหน้าที่และความรับผิดชอบต่างๆ ไว้ได้ ไม่แน่ว่าคุณอาจจะได้เลื่อนขั้น หรือขยับเข้ามาเป็นระบบครอบครัวกับพวกเขา
2)    Relexed (ผ่อนคลาย) คุณจำเป็นผ่อนคลายบ้าง มีการผ่อนผัน ไม่ใช่ว่าถึงจะซีเรียสไปก็ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นมาหรอก ผ่อนคลายกับสภาพจิตใจของคุณ ทำงานหนักไม่เป็นไร แต่ต้องให้เวลาพักกับตัวเองด้วย มันจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน มีพลังต้านทาน ที่จะรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ได้
3)    Impish (เหมือนผีตัวเล็กซุกซน) ซุกซนบ้างก็ดีนะ แต่พอโตไปก็ลืมเรื่องตอนเด็กๆ กันแล้ว ข้อนี้ผมบอกเลยว่า คิดไม่ตกจริงๆ เพราะมันเป็นเรื่องความทรงจำครั้งที่ผ่านมา มันก็สร้างภูมิต้านทานขึ้นมาได้เช่นกัน คนที่มีความทรงจำร่วมกับเรา นั่นแหละภูมิต้านทานชั้นดี
4)     Lax (หละหลวม) หละหลวมไปมันก็ดูไม่ดี แต่ในบางครั้ง ถ้ามันผูกเชือกแน่นเกินไปก็อาจถึงชีวิตได้ หละหลวมในที่นี้หมายถึง ปล่อยผ่อนคลายปมตัวเอง อย่าให้ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตต้องได้รับมากเกินไป เพราะไม่มีใครรู้ไปหมดทุกอย่างหรอกครับ

4 นิสัยผู้ที่มีความคล่องตัว
1)    Timid (ขี้อาย) บางคนกลัวที่ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้า ในทางตรงกันข้ามความอายก็เป็นการเก็บตัวอย่างหนึ่ง เพราะเป็นลักษณะของการปลุกใจให้คนที่ขี้อายที่สุดลุกขึ้นมาต่อสู้กับโลกแห่งความจริงถึงจะเรียกว่าความคล่องตัว
2)    Hasty (รีบร้อน) ใจร้อนไปก็ไม่ใช่ว่าจะดี รีบร้อนมากก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ มันก็ไม่ได้มีความคล่องตัวแต่อย่างใด แต่การพุ่งไปที่จุดเดียวก็ไม่ได้มีความหมายอะไร ถ้าใช้ความรีบร้อนหาวิธีการเข้าไปหาเป้าหมาย นั่นถึงจะเรียกว่าความคล่องตัว
3)    Jolly (ครึกครื้น,ร่าเริง) ร่าเริงกันไว้ ชีวิตก็ดีกว่าครับ ใครที่เป็นคนร่าเริง รู้สึกสนุกล่ะก็ ควรรู้ไว้ว่า คนที่มีลักษณะนี้จะมีความคล่องตัวสูง และประสานงานได้เร็ว ชีวิตที่มีความสุขจะสร้างความคล่องตัวได้อย่างชัดเจน
4)    Naive (ซื่อๆ,ไร้เดียงสา) คนซื่อๆ ไร้เดียงสา แต่ก็ประสานงานได้ดีครับ คนที่มีลักษณะนี้ก็มีความความคล่องตัวไม่แพ้กับคนที่ร่าเริงเลยครับ แต่แสดงออกมาได้อย่างชัดเจนเลย

4 นิสัยผู้มีพลังพิเศษ
1)    Modest (ถ่อมตัว) เป็นผู้น้อยต้องถ่อมตัว เคารพผู้ใหญ่เป็นธรรมดา แต่การถ่อมตัวนั้นเป็นวิธีการคุณสมบัติของผู้ดีเก่า การถ่อมตัวทำให้พลังที่อยู่ข้างในมันดันออกมา แต่ความสามารถพิเศษขึ้นอยู่กับบุคคล ว่าคุณมีความถ่อมตัวมากน้อยแค่ไหน
2)    Mild (อ่อนโยน) จิตใจที่อ่อนโยน แต่แข็งแกร่ง มีจิตใจที่เข้มแข็งถึงได้มีความพิเศษในตัว คนที่อ่อนโยนไม่ได้หมายความว่าอ่อนแอ แต่เขาปิดบังสถานะเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งของเพื่อนฝูง อ่อนโยนได้ ย่อมแข็งแกร่งได้
3)    Quiet (เงียบสงบ) ความสงบนิ่งทำให้มีพลังใจที่แข็งแกร่ง ใครที่เป็นคนธรรมะ ต้องข้อนี้เลยครับ พลังพิเศษเกิดจากความสงบนิ่งภายในใจของเรา การไม่คิดฟุ้งซ่าน ทำให้สมองของคุณโล่ง ทำให้รู้สึกถึงความว่างเปล่าที่อยู่ในใจ
4)    Rash (ผลีผลาม) คำพูดที่ว่า “อย่าผลีผลามให้มันมากนะ” หมายถึงความใจร้อน คิดแต่จะเอาแต่ได้ ในอีกมุมมองหนึ่งผมก็ให้คำจำกัดความ หรือมันอาจจะหมายถึง คนที่คิดเร็ว กล้าตัดสินใจที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งมันก็มีข้อดีและข้อเสียอยู่

4 นิสัยผู้มีภูมิคุ้มกัน
1)    Calm (ใจเย็น) เมื่อมีความสงบ ความใจเย็นที่ยึดอยู่กับตัวจะตามมา เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีอย่างหนึ่ง เมื่ออีกฝ่ายจะเอาชนะด้วยวิธีการของเขา แต่เราก็มีวิธีการรับมือด้วยเช่นกัน ความสงบความใจเย็นนี่แหละสำคัญ สร้างภูมิคุ้มกันแล้วรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ
2)    Gentle (สุภาพ) ความสุภาพเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี การให้เกียรติ การยกย่องคนอื่นเป็นสิ่งที่ดี ความเป็นสุภาพชนสร้างภูมิคุ้มกันได้ในระดับหนึ่ง
3)    Sassy (หน้าด้าน,ทะลึ่ง) หน้าด้านแล้วไง หรืออาจจะทะลึ่งไปบ้าง หรือซุกซนที่ไปยุ่งกับคนอื่น ใครที่เคยชินกับการโดนด่าต้องข้อนี้เลยครับ โดนด่าแล้วไง แต่เขาก็สร้างภูมิคุ้มจนถึงเลเวล 99 ได้นะ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงไปบ้าง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีภูมิคุ้มกันจนถึงทุกวันนี้หรอก

4)    Careful (ระมัดระวัง) ระวังทางที่อยู่ข้างหน้าได้ แต่การระแวงคนอื่นนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะดี คนที่กลัวว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นกับตน มันก็ต้องระมัดระวังหน่อย สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา เพื่อไม่ให้ใครมาทำร้ายเราได้

15 มิ.ย. 2559

ไม่มีดิน ก็ไม่มีกระดูก ไม่มีอากาศ ก็ไม่มีลมหายใจ


ไม่มีเพลิงไฟใด ก่อให้เกิดพลัง นอกจากในใจของเราเอง
ไม่มีแหล่งน้ำใด ที่ทำให้มีชีวิต นอกจากการไหลเวียนของเราเอง
ไม่มีพื้นดินใด ที่เป็นแรงกำลัง ที่คุณสามารถยืนและเดินเองได้
ไม่มีอากาศ ก็ไม่มีลมหายใจ อากาศหมดเมื่อไร ก็เมื่อนั้น...

ไม่มีกำแพงใด หรือทำให้คุณยึดติด นอกจากคุณจะสร้างมันขึ้นมา
ไม่มีธรรมชาติใด เป็นรากฐานชีวิต นอกจากคุณจะเลือกเส้นทางชีวิตเอง
ไม่มีจิตวิญญาณใด ที่หลอกหลอน นอกจากคุณจะกำหนดจิตได้ด้วยตนเอง
ไม่มีแสงสว่าง แต่มันส่องสว่างทั่วร่างกายของคุณ ทั้งกายและจิตใจ

          ความแข็งแกร่งเป็นสิ่งที่สร้างได้ ทั้งทางกายภาพและจิตใจ ไม่มีสิ่งใดได้มาง่ายๆ เพราะมันอยู่รากฐานแห่งจิตที่สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา ถ้าส่วนใดไม่มีหรือหมดไป มันก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้ หรือถ้ามันมีมากเกินไป ก็จำเป็นต้องละให้มีความเสมอภาคเท่าๆกัน

          การมีชีวิตอยู่เป็นวงจรชีวิต เพราะถ้าไม่เข้าใจมัน ก็ทำให้เกิดความขัดแย้งได้ เหมือนสงครามภายในการต่อสู้ระหว่าง 8 ธาตุ ที่ทำให้เรานอนซมอยู่ก็ได้

13 มิ.ย. 2559

ผู้กล้าแห่งความอดทน (Murmillo)

ความอดทนมาจากที่ไหน แล้วมันคืออะไร อะไรคือกำแพงเหล็ก ยิ่งสูงเท่าไรถึงจะโต้ตอบกลับได้ อะไรคือพลังขับเคลื่อนที่จะก้าวไปข้างหน้า และนี่คือประวัติศาสตร์ของนักรบในอดีต
ผู้กล้าแห่งความอดทน หรือเต่าจอมพลัง (Murmillo) เป็นหนึ่งในสี่จตุรเทพ เป็นรองมาจากวิหคเพลิง หรือนกฟินิกซ์ในตำนาน (Phoenix) มีการกล่าวเอาไว้ว่า "ความอดทนนั้นมีอยู่ในใจของคนทุกคน อยู่ที่ว่าคุณจะอดทนและต้านทานได้แค่ไหน ภูมิต้านทานก็คือความอดทน มันจะเป็นพลังที่ไร้ขีดจำกัด" แม้แต่การต่อสู้ของนักรบคนนี้กับมังกรหรือวิหคเพลิง ก็ได้ใจไปครอง เมื่อวิหคคือชีวิต ความอดทนและภูมิต้านทานของเต่าจอมพลังจึงตามมาตามลำดับ

"ความอดทน ไม่มีสูง ไม่มีต่ำ ความอดทนก็เปรียบเสมือนกับโล่ และเป็นพลังขับเคลื่อน และพร้อมที่จะโต้ตอบกลับไปได้ทุกเมื่อ เพราะถ้าความอดทนของคุณมีขีดจำกัด มันก็แตกสลายไปตั้งแต่เพียงแค่ก้าวไปแค่ 2-3 ก้าวเท่านั้น และไม่มีทางได้ใจของคนที่อยู่ข้างหน้า" เขาจึงตัดสินใจสร้างโล่ที่แข็งแกร่งที่สุดออกไปนำทัพ พร้อมกับการจารึกชื่อเอาไว้ในประวัติศาสตร์ ความอดทนของเขาทำให้เป็นผู้กล้า
ย้อนกลับไปในยุคสมัยของกรุงโรม ในยุคที่เจริญรุ่งเรือง ไม่ว่าจะเป็นในอารีน่าหรือโคลอสเซียมทีมีการต่อสู้ท้าประลองกัน ต่างก็มีนักรบเกิดขึ้นมากมายและใช้อาวุธที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนั้นยังมีชื่อเรียกขานขนามนามอีกด้วย
แล้วใครล่ะที่เรียกว่าเป็นผู้ที่อดทน ใจสู้มากกว่าคนอื่นๆ มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์สุดท้าย และได้พบกับจตุรเทพ 4 เหล่า เต่าจอมพลัง เสือเขี้ยวดาบ มังกร และวิหคเพลิง มีการพิชิตมาแล้ว แต่พลาดท่าซะส่วนใหญ่ แต่มีนักรบอยู่คนหนึ่งที่ไม่เหมือนคนอื่น ครั้งแรกเมื่อเขาได้พบเต่ายักษ์ว่ายังมีสหายที่แตกต่างจากเขาและแข็งแกร่งกว่า แต่ก็ไม่มีมนุษย์ผู้ใดอดทนพอที่จะเอาชนะพวกเขาได้
ความอดทนของมนุษย์มีขีดจำกัด แต่ก็มีคำกล่าวของเต่าจอมพลัง หนึ่งในสี่จตุรเทพ “ชีวิตทุกชีวิตต้องมีความอดทน เพราะถ้าไม่อดทนก็ทำให้เราล้มได้ ความอดทนเป็นพลังที่ไร้ขีดจำกัดที่สามารถต่อสู้ยืนหยัดกับชีวิตเราได้” ก่อนที่เต่ายักษ์ถูกโค่นไป ก็ได้กล่าวกับคนผู้นั้น
ความอดทนทำให้เราได้ใจของคนอื่น หรือเป็นอย่างอื่นที่เราก็ชนะใจตัวเอง เพราะเราจำเป็นต้องมีความอดทน และในชีวิตจริงเราต้องอดทนกับอะไรบ้าง
  1. อดทนที่ต้องแบกรับภาระต่างๆ เช่น เพื่อน ครอบครัว คนรัก เป็นต้น เพราะปัญหามีเหมือนกันหมด ค่าใช้จ่ายต่างๆ ความรับผิดชอบ
  2. อดทนกับคำพูดของคนที่พูดไม่ดีกับคุณ ในบางครั้งก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะถ้าไม่อดทนก็อาจเสียทั้งงานและอื่นๆ ได้
  3. อดทนกับหน้าที่การงาน มันอาจเป็นจุดเลี้ยวหัวต่อ หรือทำให้คุณดูดีขึ้น
  4. อดทนกับสภาพแวดล้อมสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป จุดสำคัญคือสังคม เพราะสังคมทำให้คุณมีเพื่อน บางครั้งก็ต้องยอมรับในข้อเสียของคนอื่น มันคือการอยู่ร่วมกันของสังคม ไม่ว่าใครที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของคุณ ต้องยอมรับมันให้ได้
  5. อดทนกับแรงต้านทานที่อยู่ตรงหน้าคุณ เปลี่ยนจากของหนักให้กลายเป็นเบา มันก็เหมือนกับไปเสียดสีกับพลังของศัตรู ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าคุณไม่คิดอะไรมากและอดทนแบกรับของหนักหรือช่วยๆกัน ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้
  6. อดทนหรืออดกลั้นเมื่ออยู่ในน้ำ เป็นคำเปรียบเปรย เพียงแค่อึดใจเดียวก็ทำได้แล้ว ฝึกความอดทนความอดกลั้นของตนเอง ตั้งโจทย์ให้ตัวเองแล้วลงมือทำ หรือเมื่อเข้าตาจน อดทนจนกว่าเหตุการณ์จะผ่านไปด้วยดี
  7. อดทนคือภูมิปัญญา ในบางครั้งเราคงไม่ได้โชคดีกันบ่อยๆ ความอดทนทำให้คุณแน่วแน่อาจพอคิดหาหนทางที่ต้องเดินไปต่อ เพราะมันไม่ได้อยู่เฉยๆ คุณค่าของคนที่อดทนทำให้คุณรู้จักการสงบนิ่ง เมื่อมีภูมิปัญญา-ความอดทนก็สอนคุณได้


ความอดทนสอนคน สอนให้เป็นผู้กล้า ทุกวันนี้ถ้าเราไม่อดทน มันก็อยู่ไม่ได้ เมื่อมีภูมิปัญญามันจะชี้นำให้เราอดทนต่ออุปสรรคต่างๆ

21 มี.ค. 2559

What's about Characters ?

         ด้านต่างๆ ในความสามารถของมนุษย์อันประกอบด้วย ความแข็งแกร่ง ความคล่องตัว ความแม่นยำ พละกำลัง ความเฉลียวฉลาด ความโชคดี ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ทำให้มนุษยชาติอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ และทำให้เกิดทักษะต่าง ๆ มากมาย ที่ติดตัวเราไปตลอดทั้งชีวิต
         คุณไม่ต้องสร้างตัวละครให้เสียเวลา เพราะมันอยู่ในตัวคุณ อยู่ที่ว่าเรามีองค์ประกอบครบหรือเปล่า? ในด้านต่างๆ ของมนุษย์ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่างหรอก เราจะเริ่มต้นจากมุมมองแบบไหนก่อนดีล่ะ ทุกอย่างเริ่มต้นได้ครับ ไม่จุดไหนก็จุดหนึ่งก่อน ในด้านต่างๆ คุณสมบัติดังกล่าว เราก็เปรียบเสมือนในตัวละครดังกล่าวในหลากหลายวิชาชีพ ว่าคุณเหมาะสมกับอาชีพใดมากที่สุด เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าคุณมีความสามารถแบบไหน

         ลักษณะในด้านต่าง ๆ หรือตัวละครของคุณ บ่งบอกถึงจุดยืนของคุณ ดังนี้
  1. ความแข็งแกร่ง (Strength) เป็นสิ่งที่สะท้อนจุดยืนของคุณ ว่ามีความต่อต้านมากน้อยเท่าไร จุดยืนก็คือความแข็งแกร่งของคุณ ทำให้คุณสามารถต้านทานที่จะต่อสู้กับคู่แข่งของคุณได้
  2. ความคล่องตัว (Agility) สิ่งนี้เป็นตัวระบบการทำงานของคุณ ที่มีผลต่อลักษณะด้านอื่นประกอบร่วม ว่าคุณมีระบบการทำงานเป็นอย่างไรถึงได้ประสบความเร็จ เพราะทุกอย่างบ่งบอกจากลักษณะทั้ง 6 ด้าน
  3. ความแม่นยำ (Dexterity) การตั้งเป้าหมายต่าง ๆ รวมไปถึง การเพ่งเล็งมองเห็นอนาคตของคุณว่าควรจะดำเนินต่อไปได้อย่างไร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับในความสามารถของคุณ ไม่มีสิ่งใดมาทำให้ดวงตาของคุณต้องมืดบอด อยู่ที่คุณจะมองเห็นมันเมื่อไร
  4. พละกำลัง (Vitality) กำลังที่ดีที่สุดคือพลังชีวิตที่พร้อมจะฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ และกำลังที่ดีที่สุดก็ขึ้นอยู่กับลักษณะในด้านต่าง ๆ อีกด้วย ที่จะยกในแต่ละด้านให้สูงขึ้นตามมาเป็นลำดับ เป็นกำลังสำคัญที่พยุงชีวิตของคุณไว้ทั้งหมด
  5. ความเฉลียวฉลาด (Intelligence) คุณอาจมีพลังพิเศษที่ต่างจากคนอื่น ถ้ามองดูให้ดีแล้ว คนที่เรียนหนังสือไม่เก่งเขาอาจจะมีความฉลาดทางด้านอื่นอยู่บ้าง เพราะฉะนั้นอย่ามองข้ามไปก็แล้วกัน
  6. ความโชคดี (Lucky) คุณอาจโชคดีที่ได้รับรางวัล หรือโชคดีที่มีใครบางคนมาสนับสนุนคุณ หรือโชคดีที่มีเธอ เฮ้ย! ไม่ใช่แล้ว 555
  7. จิตวิญญาณ (Spirit) คนทุกคนต้องจิตวิญญาณในการต่อสู้ เพื่อเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ มีจิตวิญญาณเพื่อที่สนับสนุนเพื่อนร่วมเพื่อนร่วมงาน มีจิตวิญญาณที่คิดได้ว่าการเดินทางของคุณจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง และแสดงออกจิตวิญญาณของคุณให้คนทั้งโลกได้รับรู้ นั่นก็เป็นรางวัลแห่งเกียรติยศของคุณ
  8. จิตใจ (Mentality) หมายถึง สถานภาพทางจิตใจของคุณ ว่าคุณมีจิตใจที่แข็งแกร่งพอที่จะออกไปดูโลกข้างนอก ว่าพวกเขาทำอะไรกันบ้าง เมื่อจิตใจของคุณแข็งแกร่ง คุณก็พร้อมที่จะช่วยเหลือคนอื่นๆ ที่มีสถานะคิดลบ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ความผิดปกติของอารมณ์ตามฤดูกาล (SAD: Seasonal Affective Disorder) จิตใจของคุณทำให้เกิดอารมณ์ร่วม จึงเป็นเหตุผลที่ต้องแก้ไข
         8 ข้อดังกล่าว อาจจะดูคุ้นตาสำหรับชาวเกมเมอร์ แต่ในชีวิตจริงมันต้องมีครบทุกข้อ อยู่เพื่อดำรงชีวิต อยู่เพื่อคนที่เรารัก แข็งแกร่งพอที่จะสร้างแรงบันดาลใจกับคนหลายคน เช่นเดียวกับผม ผมแข็งแกร่งพอที่จะสร้างและภูมิใจเสนอไว้เป็นเกร็ดความรู้ครับ

19 มี.ค. 2559

เมื่อร่างกายอยู่กับความหนาวเย็น


ทำไมคนยุคน้ำแข็งหรือขั้วโลกถึงได้อยู่กับความเย็นได้ ? ทำไมคนอย่างพวกเรา เดี๋ยวก็ร้อน เดี๋ยวก็เย็น ? กับคนอีกประเภทคือ ทำไมคนที่อาศัยอยู่เป็นเผ่านับถือพระอาทิตย์ถึงอยู่กับความร้อนได้ ? คนบางคนให้ลงไปแช่ในลาวาร้อนละอุ เพื่อเป็นการเส้นไหว้ก็มี สำหรับบางคนคงไม่เชื่อกันหรอกว่าเรื่องพวกนี้มีอยู่จริง

ร่างกายคนเรามีอยู่ 3 ประเภท
1. Halfness Heart ร่างกายปกติโดยทั่วไปแล้วจะมีอุณหภูมิความเย็นกับความร้อนอยู่ครึ่งหนึ่งของ ร่างกาย ไม่ได้มีภูมิต้านทานเฉพาะความหนาวหรือความร้อน เพราะร่างกายไม่ได้ฝึกฝนให้มีภูมิต้านทานเลย ที่ว่า "เดี๋ยวก็ร้อน เดี๋ยวก็เย็น"
2. Cold Resistant เป็นการฝึกฝนร่างกายให้มีภูมิต้านเฉพาะธาตุขึ้นมา ยกตัวอย่างเช่น หนังจีนครับ มีให้เห็นบ่อยมาก จากคนในประเภทแรกก็สามารถฝึกฝนร่างกายให้มีภูมิต้านทานธาตุความเย็นขึ้นมา หรืออีกประเภทใช้ธาตุหยางเข้าร่วมเพื่อฝึกวิชาขั้นสุดยอด เป็นต้น อีกอย่างหนึ่งที่ผมก็ได้เรียนรู้มา ไม่ใช่หนังจีนเท่านั้น การ์ตูนก็เช่นกัน เรื่องที่ผมดูคือ Fairy Tail เรื่องนี้ก็ดีครับ มีตัวอย่างการฝึกฝนของคนใช้ธาตุน้ำแข็งด้วย ตอนหลังๆ 200 กว่าตอน จะมีเกี่ยวกับการยับยั้งพิษซึ่งเกี่ยวกับการฆ่าเซลล์มะเร็ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญว่าเนื้อหาของเขานั้นดีมาก คงต้องมาคิดใหม่ซะแล้วสิว่า วิทยาทานเหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่มันเกิดขึ้นมานานพอสมควรเลยล่ะ
3. Heat Resistant เป็นการฝึกฝนร่างกายอีกอย่างหนึ่งให้มีภูมิต้านทานเฉพาะขึ้นมา ซึ่งก็มีให้เห็นอยู่เหมือนกันครับ ถ้าเป็นหนังจีน ก็คงหลบไม่พ้น สำนักอัคคี อย่างแน่นอน แต่ก็ยังมีหนังอีกหลายเรื่องนั่นแหละ ที่จริงแล้ว กับความร้อนนี่ มันหลบไม่พ้นเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อและชนเผ่าโบราณครับ ปกติถ้าลงไปในลาวานี้ คงโดดไปตายมั้ง เพราะมันร้อนมาก มีการเคารพบูชาและเส้นไหว้พระอาทิตย์ คนที่อยู่กับความร้อนไม่ใช่ว่าคนทุกคนจะผิวดำไปทั้งหมด คนที่อยู่กับความร้อนได้จะมีกลิ่นตัวเฉพาะขึ้นมา เวลาผมไปสนามบินไปเจอคนเหล่านี้ผมสามารถสัมผัสได้
         แต่ละอย่างล้วนมีที่มาของมัน การฝึกฝนร่างกายก็ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของมันด้วย ฝึกฝนกับความเย็น ได้ภูมิต้านทานความเย็น ฝึกฝนกับความร้อน ได้ภูมิต้านทานความร้อน ในโลกนี้ยังคนอีกหลายประเภท แต่อย่าเข้าใจผิดว่าการฝึกฝนร่างกายคือการออกกำลังกาย กายออกกำลังกายมันเสียเหงื่อก็จริง ส่วนใหญ่มันจะไปเพิ่มกล้ามเนื้อ สร้างภูมิต้านทานได้ไม่มากเท่าการฝึกฝนร่างกายเฉพาะธาตุ เพราะความเชื่อยังมีสิ่งนี้อยู่ในโลกนี้ครับ

18 มี.ค. 2559

Turn Turn Turn

บทเพลง Turn Turn Turn ในเวอร์ชั่นเก่า ของ Pete Seeger


บทเพลง Turn Turn Turn ที่นำมาเรียบเรียงใหม่

Turn, Turn, Turn เป็นเพลงในยุคทศวรรษที่ 1690 แม้จะเป็นเพลงเก่า แต่เนื้อหาไม่ซับซ้อน ทั้งยังสะท้อนสัจธรรมที่เป็นเครื่องเตือนใจในการดำเนินชีวิต เนื้อเพลงกล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงเมื่อชีวิตเปลี่ยนผ่าน และทุกสิ่งที่เป็นไปในชีวิตต่างมีช่วงจังหวะที่ต้องเกิด ด้วยจุดประสงค์บางอย่างจากเบื้องบน
สำหรับผู้ที่นับถือคริสต์ศาสนา เนื้อเพลงนี้อาจดูคุ้นตา ทั้งนี้ผู้ประพันธ์เพลงคือ Pete Seeger ปรับเนื้อหามาจากพระคัมภีร์ Bible โดยมีการเพิ่มเติม ตัดทอน เปลี่ยนแปลง หรือปรับเปลี่ยนตำแหน่งคำบางคำเท่านั้น เพื่อให้เห็นชัดเจน จึงได้นำข้อความจากพระคัมภีร์ มาเทียบเคียงกับเนื้อเพลงซึ่งบรรยายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในลักษณะตรงข้าม เช่น มีเกิด ก็ต้องมีตาย มีสร้าง ก็มีทำลายล้าง มีเวลาที่หัวเราะ ก็ต้องมีเวลาที่ร้องไห้ มีเวลารัก ก็ต้องมียามชัง มีได้ ต้องมีเสีย มีเวลาต้องทำสงครามก็ต้องมีเวลาสำหรับสันติภาพ แต่ผู้ประพันธ์เพิ่มเติมตอนท้ายบทเพลง ในทำนองเรียกร้องสันติภาพความสงบสุขของโลก

จากหนังสือพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ผู้ประพันธ์เพลง Pete Seeger

เว็บไซต์ที่เอื้อความสะดวกในการทำภาพ
ขอขอบคุณ Pixteller.com