หน้าเว็บ

11 มิ.ย. 2557

ม้าวิ่งสามระดับ และการเดินหน้า

ขอบคุณ Pinterest.com เครดิตภาพ nevadatravel.net

ม้าวิ่งสามระดับ หรือทฤษฎีม้าวิ่ง (Theory of a horse) เป็นอีกทฤษฎีหนึ่ง การควบคุมตนไม่ให้เกินขีดจำกัดของตนเอง จะมีใครสักกี่คนที่ขี่ม้าเป็น ไม่มีใครรู้หรอกว่า มันอยู่ในสถานะอารมณ์ไหน การที่จะควบคุมมันให้อยู่ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ การไว้วางใจและการเชื่อใจเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องเชื่อว่า เราทำได้

ไม่มีใครเดาอารมณ์ได้ถูกต้องเสมอไป หากจิตใจเราขุ่นมัวเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง มันก็ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ ก็เหมือนกับม้าที่พยศ วิ่งไปแล้วไปลับไม่กลับมา กว่าจะกลับมาต้องใช้เวลาในการปรับตัว คนที่มีลักษณะไม่ค่อยยอมใครจะปรับตัวได้ยาก ถ้าเราต้องทำงานเข้าหาผู้คน คงใช้อารมณ์นี้ไม่ได้ ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อผลงานและชื่อเสียงบริษัท

การสงบนิ่ง การเดินหน้าเข้าหาจุดมุ่งหมาย และความแข็งตัวของการบริหาร ทฤษฎีนี้คือ การเดินหน้าเข้าหาเป้าหมายอย่างมีสติ ควบคุมตนไม่ให้ทางอารมณ์มาอยู่เหนือความคิดของเรา สิ่งที่ใครๆ ต่างต้องการคือความสำเร็จในชีวิต ที่เห็นได้ชัดคือการปรับอารมณ์ให้สมดุลกับความคิดของเรา การแสดงออกต่างๆ ล้วนมีผลมากมายนัก ไม่ว่าจะเป็นในวงการธุรกิจต่างๆ หรือในชีวิตประจำวันก็ตาม ส่งผลต่อบุคลิกภาพ เสียทั้งความรู้สึกและความคิดของเราเอง ยิ่งลงทุนทุ่นแรงเท่าไร อะไรที่ทำให้เราตื่นเต้นมากๆ ยิ่งต้องควบคุมให้มาก หากมันมากเกินไปก็ทำให้เสียงานได้

ฝูงม้าที่วิ่งไป ก็เหมือนกับการแข่งขัน ยิ่งการแข่งขันมีมาก ยิ่งต้องลงทุนมากเพื่อให้ได้กำไรที่มากมาเป็นผลตอบแทน การแข่งขัน อิสรภาพทางด้านเวลามีไม่มากนัก เราควรดำเนินไปอย่างช้าๆ มีสติและคิดให้รอบคอบ ว่าต่อไปควรทำอย่างไร ไม่ควรว้าวุ่นให้มากนัก พอเราขาดสติปุ๊บอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

ลักษณะของม้า มี 3 ระดับ ได้แก่
1. ระดับม้านิ่ง (Maning Level) รู้สึกสงบ พอควบคุมสภาวะจิตใจได้ ยิ่งนิ่งเท่าไรก็ยิ่งดี แต่ไม่ควรเฉยเกินไป มีความสามารถในการอ่านใจคน ยิ่งต้องอยู่ร่วมการทำงานด้วย ต้องศึกษาต่อในระดับถัดไปประกอบร่วมในการดำเนินกระชับความสัมพันธ์

2. ระดับม้าวิ่ง (Running Level) ภาวะกำลังดำเนินอยู่ในเหตุการณ์ รู้สึกเคลื่อนไหว กำลังพยายาม หลังจากที่ผ่านการอยู่ร่วมการทำงาน เหตุการณ์ทุกอย่างกำลังผ่านไปอย่างช้าๆ สิ่งที่เรากำลังดำเนินอยู่ต้องควบคุมให้อยู่อย่าปล่อยให้อารมณ์นั้นมาทำให้งานนั้นเสีย มันก็สูญเสียความรู้สึกของกันและกันได้ ยิ่งลงทุนมาก ก็ยิ่งเสี่ยงมาก ก็จะเข้าสู่ระดับต่อไป

3. ระดับม้าพยศ (Skitting Level) ภาวะแย่กว่าเดิม พลาดท่า เสียโอกาส เสียความรู้สึกที่ได้ทำลงไปแล้ว รู้สึกเป็นโมหะ สิ่งนั้นกำลังลุกเป็นไฟ ควบคุมไม่อยู่ อย่างม้าวิ่งไปแล้วไปลับไม่กลับมา มีความเสี่ยงและเป็นเหตุให้งานชิ้นนั้นแย่ลงกว่าเดิม แต่ใครที่เคยพลาดอย่างเอกสารหาย ยิ่งต้องหาให้เจอ ก็ควรต้องปล่อยเขาไป หรืออะไรที่ทำความรู้สึกนั้นนำอยู่ในแง่ลบ คือไล่ออกสถานเดียว ไปแล้วไปลับอย่าได้กลับมา เป็นความรู้สึกที่แย่มากกว่านี้อีก

สองระดับแรกต้องควบคุมให้อยู่ หากระดับสามเกิดขึ้น ก็ยิ่งต้องควบคุมให้อยู่ในระดับที่สอง หรือไม่ก็ระดับแรก อย่าปล่อยให้สิ่งเร้าใจมาอยู่เหนือความคิดเรา ต้องหยุดหรือเลิกการกระทำนั้นซึ่งเป็นความเสี่ยงที่เราอยากจะทำ

การแข่งขันย่อมมีขึ้นมีลง หรืออยู่กับที่ อยู่ที่ว่าเราขยันมากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าใครก็สามารถแซงได้ทั้งนั้น แข่งขันกันทำผลงาน  ที่ใดมีการแข่งขันสูงยิ่งมีความเสี่ยง ต้องคุมตนเองให้อยู่ในระดับสอง ไม่ว่าผลงานนั้นๆ จะดีหรือไม่ แพ้หรือชนะไม่สำคัญ แต่สิ่งที่เราได้คือประสบการณ์ ยิ่งมีมากเท่าไร เราก็มาถึงครึ่งทางแล้ว แต่ละก้าวที่เราก้าวไปนั้น คือการไต่ระดับ ขยับไปทีละก้าวเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ ความสุขอยู่ที่ตัวเรา ไม่ใช่ก้าวถอยหลัง แต่ถ้าเราแพ้เท่ากับเราได้พ่ายแพ้ใจตัวเอง ถอยหลังไปสักก้าวได้คิดไตร่ตรองใหม่ สร้างแรงบันดาลใจและปลุกกำลังใจตนเองให้ลุกขึ้นสู้ และนั่นคือการเอาชนะใจตนเองที่สมบูรณ์แบบ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น