หน้าเว็บ

16 มิ.ย. 2557

ต้นไม้แห่งชีวิต และเมล็ดพันธ์ุ

ขอบคุณ Google Pic Search เครดิตภาพ genesisnaturalmedicine.com

“ เมล็ดพันธุ์ในวันนี้ คือต้นไม้ที่แข็งแกร่งในวันข้างหน้า ”

กว่าเราจะเติบโตและเติบใหญ่ ย่อมได้รับความรัก และการปลูกฝังค่านิยมจากคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ ที่ปลูกและหว่านให้เราได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้า เดิมทีเราก็เป็นแค่รากอ่อนๆ จนเติบโตเป็นต้นไม้ให้ท่านได้พักพิง เป็นร่มเงาให้พ่อแม่ วันนี้พ่อแม่ดูแลเรา วันข้างหน้าเราก็ต้องดูแลท่าน

รากตัวน้อยที่ต้องการได้รับการดูแลและการเอาใจใส่ ถ้าปล่อยมันไว้ ไม่ได้รับการดูแลเท่ากับตายไปแล้ว ถ้าเราดูแลสักหน่อย หว่านเมล็ดพืชหรือเอาใจเขามาใส่ใจเรา เขาก็คงเติบโตขึ้นมาอยู่ระดับลำต้นอ่อนๆ ไปจนถึงระดับโตเต็มที่ ตามลำดับ เด็กๆ อย่างเราควรได้รับการฝึกฝน การเรียนรู้ และทักษะ การทำงานเป็นทีมก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราได้พัฒนาและก้าวหน้าได้เช่นกัน

สมมติ เรามีที่นาสักหนึ่งไร่ ปลูกอะไรก็ได้ และดูแลมัน ให้อาหารให้น้ำ และรอจนกว่ามันจะโต ซึ่งนำมาการได้ผลนั้น ทุกอย่างล้วนมีรูปแบบในการเจริญเติบโตของมัน

ต้นไม้หนึ่งต้นก็ใช้เวลาพอสมควร เมื่อมันโตขึ้นก็แตกแขนงออกเป็นกิ่งย่อยกิ่งเล็ก เปรียบเสมือนกลุ่มแผนผังองค์กรหรือวงจรครอบครัวตั้งแต่บรรพบุรุษไปจนถึงลูกหลาน ทุกวันนี้เราเติบโตได้เพราะมีพ่อแม่ที่ดูแลเอาใจใส่

เมล็ดพันธ์ที่ดี คือการปลูกฝังค่านิยม ทักษะและการเรียนรู้ต่างๆ ตั้งแต่เด็กจนโต กิจกรรมที่ทำอยู่เป็นประจำเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ทำอย่างซ้ำๆ แล้วทุกอย่างจะดูดี ทำให้ตัวเรานั้นมีความรับผิดชอบมากขึ้นด้วย

ศัพท์ว่า เมล็ดพันธุ์  ใช้ในความหมายทั่วไปและกลุ่มองค์เชิงธุรกิจต่างๆ จนเติบใหญ่เป็นต้นไม้แห่งชีวิต เราปลูกต้นไม้หนึ่งต้น ชีวิตของมันก็คือเรา ชีวิตเราจึงเปรียบดังต้นไม้ ยามใดที่เราตกทุกข์ได้ยากต้นนั้นคงจะเหี่ยวเฉาไป เมื่อเวลาคนเราเดินทางผิด ต้นไม้ที่เราปลูกมากับมือ ชีวิตของต้นไม้ก็มีความเป็นไปเดียวกับเรา นี่แหละจึงเป็นที่มาของ ต้นไม้แห่งชีวิต

ชีวิตที่ควรดำเนินต่อไป ในฐานะคนสู้ชีวิต เป็นเมล็ดพันธุ์ที่เจริญเติบโตงอกงามและเติบใหญ่พร้อมที่จะปลูกฝังค่านิยมในรุ่นต่อไป เวียนว่ายไปไม่รู้จบ นั่นคือหลักการสร้างผู้ตามให้ขึ้นมาเป็นผู้นำในวันข้างหน้า ผู้คนนับร้อยหรือในหมู่มาก บางส่วนที่ทำประโยชน์การอนุรักษ์โลกสีเขียว ได้มีพื้นที่ส่วนตรงบ้าง คนที่เขาเคยปลูกเอาไว้ ในวันนี้มันเติบใหญ่แล้ว อะไรที่ใครในบรรพบุรุษกาลได้รักษาจงรักษาไว้ อย่าได้มีใครที่มาโค่นของรักของหวงของเรา มิฉะนั้นค่านิยมที่สร้างมา มันก็คงจะหายไป การปลูกต้นไม้ไม่ใช่เรื่องง่าย มีบางส่วนที่มีอายุมากกว่าคุณปู่คุณย่าเราซะอีก เป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจ ถ้าบรรพบุรุษอยากรักษาต้นนี้ไว้ ก็คงบันทึกเป็นมรดกตกทอดไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานจนสืบไป

พลังธรรมชาติ ความเป็นอยู่ และการคงอยู่ของเมล็ดพันธุ์ซึ่งเติบโตเป็นต้นไม้แห่งชีวิต สิ่งที่ธรรมชาติมี คือความชุ่มชื้น ความอุดมสมบูรณ์ และความแข็งแกร่งที่หยัดยืนอยู่ได้ คนเราก็เปรียบดังต้นไม้ หากมีผู้ใดมาโค่นหรือวันที่เราล้มลง จะหยัดยืนอยู่ต่อมันจะเป็นไปได้เหรอ ถ้าเป็นผม ผมต้องบอกว่าได้ ถึงแม้กิ่งไม้จะแตกหักไป เราก็ยังคงความเป็นตัวเรา เราต้องยืนด้วยลำแข้งของตนเอง อย่างน้อยที่ผ่านมาก็เป็นประสบการณ์และความทรงจำเหล่านั้นทำให้เราได้เรียนรู้ สิ่งที่ธรรมชาติให้มาก็เป็นเหตุผลของมัน

ถ้าต้องเปรียบกับดอกไม้เฉกเช่นดังดอกบัวสี่เหล่า สิ่งเหล่านี้คือกฎเกณฑ์ของมันอยู่แล้ว แต่เกสรพลังส่วนภายในเราจะเรียกออกมาใช้ได้อย่างไร มันก็คือพลังภายในจิตใจ ถ้าจิตใจเราเข้มแข็งหรือแข็งแกร่งย่อมฝ่าฟันอุปสรรคหลายอย่างได้ หวังว่าสักวันหนึ่งมันต้องผ่านไปได้ จิตใจเราก็เปรียบดังเกสรเป็นส่วนที่อ่อนบาง แต่คนบางคนก็ทำร้ายจิตใจกันอย่างสิ้นเชิง เพียงเริ่มต้นแค่คำพูดมันก็ไปแล้ว ลิ้นกับฟันกระทบกัน มันก็เป็นเรื่องขึ้นมาทันที บางอย่างสิ่งที่เราพูดก็ไม่ทันได้คิดว่าตัวเราเองนั้นพูดอะไรออกไป พอเราพูดออกไปแล้ว การกระทำก็ตามมา จิตใจภายในหรือเกสรของดอกไม้คือสิ่งที่เราต้องรักษาไว้ เพราะมันเปราะบางมาก ถ้าวันนี้เราสร้างจิตใจให้เข้มแข็ง ก็ไม่มีใครทำอะไรเราได้

นึกถึงคนที่ฝึกวิปัสสนากรรมฐาน การเข้าหาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พวกเขาเหล่านั้นก็ยังเข้าหาศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ขัดเกลาจิตใจให้ว่างเปล่า ไม่เพียงแต่วิธีนี้ ในหลายวิธีก็มีจุดที่แตกต่างกันออกไป

หลักการทำให้จิตใจเข้มแข็งเปรียบดังรากต้นไม้ให้ยึดเหนี่ยวและคงอยู่ ก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแต่เราเข้าใจในหลักของมันหรือเปล่า รากที่แข็งแรงทำให้ความคิดของเรานั้นดูเข้มแข็งขึ้น แต่ก็ต้องบริหารความอ่อนตัวและแข็งไปด้วย บางคนเข้มแข็งแต่เย่อหยิ่ง เรื่องอะไรที่รู้อยู่แล้วก็อยากจะอวดว่าตัวเองเก่ง การฝึกและบริหารจิตใจช่วยคุณได้ บางเรื่องอะไรที่รู้อยู่แล้วก็หัดเป็นคนโง่บ้าง มีคำถาม แก้ไขจุดที่ข้องใจ รวมไปถึงการับฟังปัญหาต่างๆ ด้วย ความอ่อนตัวของความคิดทำให้เราได้เก็บรายละเอียดได้ดีขึ้น หรือได้ข้อมูลใหม่บ้างก็ได้ ถ้าความคิดเราแข็งมากเกินไป มันก็คงไม่ดีกับตัวเราและคนรอบข้างด้วย

ทุกวันนี้ เราเติบโตพอหรือยัง ในทุกวันมีพัฒนาการเป็นไปตามลำดับ อย่างที่ผู้นำเขาเคยพูดกันอยู่บ่อยๆ ถ้าคุณกล้าที่จะคิด ต้องคิดให้ใหญ่ พอจะคุ้นเคยกันบ้าง การพัฒนาขึ้นอยู่กับการลงมือทำเป็นประสบการณ์ชีวิต แล้วด้านไหนล่ะ กิ่งเล็กกิ่งย่อยของต้นไม้มีหลายด้านให้เราเลือก แต่สิ่งที่เราเลือกใช่ความเป็นตัวคุณหรือเปล่า หากยังไม่ใช่ ก็ต้องค้นหากันต่อไป จนกว่ามันจะใช่สำหรับเรา

ขอบคุณ Google Pic Search เครดิตภาพ goodfon.ru

ต้นไม้มันก็เหมือนสายใยครอบครัว กลุ่มองค์กรต่างๆ ที่ใช้กันโดยทั่วไป การนำผลนั้นมาซึ่งเป็นกำไรก็มาจากทุ่นน้ำแรงของเราด้วยกันทั้งนั้น อยู่ที่ว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน ขยันมากยิ่งได้มาก ขยันน้อยยิ่งได้น้อย จะให้ต้นไม้แข็งแกร่งและการคงอยู่นั้น เราอดทนสภาพแวดล้อมเหล่านั้นได้หรือเปล่า สภาพแวดล้อมทางสังคมทำให้เราเติบโตขึ้นได้

ถึงอย่างไร การที่เราจะคิดเป็นต้นไม้ใหญ่ หรือผู้นำครอบครัวนั้น การปลูกฝังสิ่งที่มีค่าที่สุด คือการเดินไปข้างหน้า อนาคตที่มีประสบการณ์รอเราอยู่ ต่อไปในภายภาคหน้าเราขึ้นมาเป็นต้นไม้ใหญ่ ให้ลูกหลานได้พักพิง เป็นไปตามวงจรชีวิตของแต่ละคน

ถ้าเราเลือกที่จะเดิน ควรเดินไปอย่างสง่าผ่าเผย ที่เต็มไปด้วยมั่นใจ แข็งได้ อ่อนเป็น บริหารตนเอง เป็นร่มเงาให้ผู้อื่นเดินตาม ถึงจะได้เรียกได้ว่าเป็นต้นไม้ที่แข็งแกร่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น