|
ขอบคุณ Google Pic Search เครดิตภาพ genesisnaturalmedicine.com |
“ เมล็ดพันธุ์ในวันนี้ คือต้นไม้ที่แข็งแกร่งในวันข้างหน้า
”
กว่าเราจะเติบโตและเติบใหญ่
ย่อมได้รับความรัก และการปลูกฝังค่านิยมจากคนที่เป็นพ่อเป็นแม่
ที่ปลูกและหว่านให้เราได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้า
เดิมทีเราก็เป็นแค่รากอ่อนๆ จนเติบโตเป็นต้นไม้ให้ท่านได้พักพิง
เป็นร่มเงาให้พ่อแม่ วันนี้พ่อแม่ดูแลเรา วันข้างหน้าเราก็ต้องดูแลท่าน
รากตัวน้อยที่ต้องการได้รับการดูแลและการเอาใจใส่
ถ้าปล่อยมันไว้ ไม่ได้รับการดูแลเท่ากับตายไปแล้ว ถ้าเราดูแลสักหน่อย
หว่านเมล็ดพืชหรือเอาใจเขามาใส่ใจเรา เขาก็คงเติบโตขึ้นมาอยู่ระดับลำต้นอ่อนๆ
ไปจนถึงระดับโตเต็มที่ ตามลำดับ เด็กๆ อย่างเราควรได้รับการฝึกฝน การเรียนรู้
และทักษะ การทำงานเป็นทีมก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราได้พัฒนาและก้าวหน้าได้เช่นกัน
สมมติ
เรามีที่นาสักหนึ่งไร่ ปลูกอะไรก็ได้ และดูแลมัน ให้อาหารให้น้ำ
และรอจนกว่ามันจะโต ซึ่งนำมาการได้ผลนั้น
ทุกอย่างล้วนมีรูปแบบในการเจริญเติบโตของมัน
ต้นไม้หนึ่งต้นก็ใช้เวลาพอสมควร
เมื่อมันโตขึ้นก็แตกแขนงออกเป็นกิ่งย่อยกิ่งเล็ก
เปรียบเสมือนกลุ่มแผนผังองค์กรหรือวงจรครอบครัวตั้งแต่บรรพบุรุษไปจนถึงลูกหลาน
ทุกวันนี้เราเติบโตได้เพราะมีพ่อแม่ที่ดูแลเอาใจใส่
เมล็ดพันธ์ที่ดี
คือการปลูกฝังค่านิยม ทักษะและการเรียนรู้ต่างๆ ตั้งแต่เด็กจนโต
กิจกรรมที่ทำอยู่เป็นประจำเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ทำอย่างซ้ำๆ
แล้วทุกอย่างจะดูดี ทำให้ตัวเรานั้นมีความรับผิดชอบมากขึ้นด้วย
ศัพท์ว่า ‘เมล็ดพันธุ์’ ใช้ในความหมายทั่วไปและกลุ่มองค์เชิงธุรกิจต่างๆ
จนเติบใหญ่เป็นต้นไม้แห่งชีวิต เราปลูกต้นไม้หนึ่งต้น ชีวิตของมันก็คือเรา
ชีวิตเราจึงเปรียบดังต้นไม้ ยามใดที่เราตกทุกข์ได้ยากต้นนั้นคงจะเหี่ยวเฉาไป
เมื่อเวลาคนเราเดินทางผิด ต้นไม้ที่เราปลูกมากับมือ ชีวิตของต้นไม้ก็มีความเป็นไปเดียวกับเรา
นี่แหละจึงเป็นที่มาของ ต้นไม้แห่งชีวิต
ชีวิตที่ควรดำเนินต่อไป
ในฐานะคนสู้ชีวิต
เป็นเมล็ดพันธุ์ที่เจริญเติบโตงอกงามและเติบใหญ่พร้อมที่จะปลูกฝังค่านิยมในรุ่นต่อไป
เวียนว่ายไปไม่รู้จบ นั่นคือหลักการสร้างผู้ตามให้ขึ้นมาเป็นผู้นำในวันข้างหน้า
ผู้คนนับร้อยหรือในหมู่มาก บางส่วนที่ทำประโยชน์การอนุรักษ์โลกสีเขียว
ได้มีพื้นที่ส่วนตรงบ้าง คนที่เขาเคยปลูกเอาไว้ ในวันนี้มันเติบใหญ่แล้ว
อะไรที่ใครในบรรพบุรุษกาลได้รักษาจงรักษาไว้
อย่าได้มีใครที่มาโค่นของรักของหวงของเรา มิฉะนั้นค่านิยมที่สร้างมา
มันก็คงจะหายไป การปลูกต้นไม้ไม่ใช่เรื่องง่าย
มีบางส่วนที่มีอายุมากกว่าคุณปู่คุณย่าเราซะอีก เป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจ
ถ้าบรรพบุรุษอยากรักษาต้นนี้ไว้
ก็คงบันทึกเป็นมรดกตกทอดไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานจนสืบไป
พลังธรรมชาติ
ความเป็นอยู่ และการคงอยู่ของเมล็ดพันธุ์ซึ่งเติบโตเป็นต้นไม้แห่งชีวิต
สิ่งที่ธรรมชาติมี คือความชุ่มชื้น ความอุดมสมบูรณ์ และความแข็งแกร่งที่หยัดยืนอยู่ได้
คนเราก็เปรียบดังต้นไม้ หากมีผู้ใดมาโค่นหรือวันที่เราล้มลง
จะหยัดยืนอยู่ต่อมันจะเป็นไปได้เหรอ ถ้าเป็นผม ผมต้องบอกว่าได้
ถึงแม้กิ่งไม้จะแตกหักไป เราก็ยังคงความเป็นตัวเรา เราต้องยืนด้วยลำแข้งของตนเอง
อย่างน้อยที่ผ่านมาก็เป็นประสบการณ์และความทรงจำเหล่านั้นทำให้เราได้เรียนรู้
สิ่งที่ธรรมชาติให้มาก็เป็นเหตุผลของมัน
ถ้าต้องเปรียบกับดอกไม้เฉกเช่นดังดอกบัวสี่เหล่า
สิ่งเหล่านี้คือกฎเกณฑ์ของมันอยู่แล้ว
แต่เกสรพลังส่วนภายในเราจะเรียกออกมาใช้ได้อย่างไร มันก็คือพลังภายในจิตใจ
ถ้าจิตใจเราเข้มแข็งหรือแข็งแกร่งย่อมฝ่าฟันอุปสรรคหลายอย่างได้
หวังว่าสักวันหนึ่งมันต้องผ่านไปได้ จิตใจเราก็เปรียบดังเกสรเป็นส่วนที่อ่อนบาง
แต่คนบางคนก็ทำร้ายจิตใจกันอย่างสิ้นเชิง เพียงเริ่มต้นแค่คำพูดมันก็ไปแล้ว
ลิ้นกับฟันกระทบกัน มันก็เป็นเรื่องขึ้นมาทันที บางอย่างสิ่งที่เราพูดก็ไม่ทันได้คิดว่าตัวเราเองนั้นพูดอะไรออกไป
พอเราพูดออกไปแล้ว การกระทำก็ตามมา
จิตใจภายในหรือเกสรของดอกไม้คือสิ่งที่เราต้องรักษาไว้ เพราะมันเปราะบางมาก
ถ้าวันนี้เราสร้างจิตใจให้เข้มแข็ง ก็ไม่มีใครทำอะไรเราได้
นึกถึงคนที่ฝึกวิปัสสนากรรมฐาน
การเข้าหาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
พวกเขาเหล่านั้นก็ยังเข้าหาศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ
ขัดเกลาจิตใจให้ว่างเปล่า ไม่เพียงแต่วิธีนี้ ในหลายวิธีก็มีจุดที่แตกต่างกันออกไป
หลักการทำให้จิตใจเข้มแข็งเปรียบดังรากต้นไม้ให้ยึดเหนี่ยวและคงอยู่
ก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแต่เราเข้าใจในหลักของมันหรือเปล่า
รากที่แข็งแรงทำให้ความคิดของเรานั้นดูเข้มแข็งขึ้น
แต่ก็ต้องบริหารความอ่อนตัวและแข็งไปด้วย บางคนเข้มแข็งแต่เย่อหยิ่ง
เรื่องอะไรที่รู้อยู่แล้วก็อยากจะอวดว่าตัวเองเก่ง การฝึกและบริหารจิตใจช่วยคุณได้
บางเรื่องอะไรที่รู้อยู่แล้วก็หัดเป็นคนโง่บ้าง มีคำถาม แก้ไขจุดที่ข้องใจ
รวมไปถึงการับฟังปัญหาต่างๆ ด้วย ความอ่อนตัวของความคิดทำให้เราได้เก็บรายละเอียดได้ดีขึ้น
หรือได้ข้อมูลใหม่บ้างก็ได้ ถ้าความคิดเราแข็งมากเกินไป
มันก็คงไม่ดีกับตัวเราและคนรอบข้างด้วย
ทุกวันนี้
เราเติบโตพอหรือยัง ในทุกวันมีพัฒนาการเป็นไปตามลำดับ
อย่างที่ผู้นำเขาเคยพูดกันอยู่บ่อยๆ “ถ้าคุณกล้าที่จะคิด
ต้องคิดให้ใหญ่” พอจะคุ้นเคยกันบ้าง
การพัฒนาขึ้นอยู่กับการลงมือทำเป็นประสบการณ์ชีวิต แล้วด้านไหนล่ะ
กิ่งเล็กกิ่งย่อยของต้นไม้มีหลายด้านให้เราเลือก
แต่สิ่งที่เราเลือกใช่ความเป็นตัวคุณหรือเปล่า หากยังไม่ใช่ ก็ต้องค้นหากันต่อไป
จนกว่ามันจะใช่สำหรับเรา
|
ขอบคุณ Google Pic Search เครดิตภาพ goodfon.ru |
ต้นไม้มันก็เหมือนสายใยครอบครัว
กลุ่มองค์กรต่างๆ ที่ใช้กันโดยทั่วไป
การนำผลนั้นมาซึ่งเป็นกำไรก็มาจากทุ่นน้ำแรงของเราด้วยกันทั้งนั้น
อยู่ที่ว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน ขยันมากยิ่งได้มาก ขยันน้อยยิ่งได้น้อย
จะให้ต้นไม้แข็งแกร่งและการคงอยู่นั้น เราอดทนสภาพแวดล้อมเหล่านั้นได้หรือเปล่า
สภาพแวดล้อมทางสังคมทำให้เราเติบโตขึ้นได้
ถึงอย่างไร
การที่เราจะคิดเป็นต้นไม้ใหญ่ หรือผู้นำครอบครัวนั้น การปลูกฝังสิ่งที่มีค่าที่สุด
คือการเดินไปข้างหน้า อนาคตที่มีประสบการณ์รอเราอยู่
ต่อไปในภายภาคหน้าเราขึ้นมาเป็นต้นไม้ใหญ่ ให้ลูกหลานได้พักพิง
เป็นไปตามวงจรชีวิตของแต่ละคน
ถ้าเราเลือกที่จะเดิน
ควรเดินไปอย่างสง่าผ่าเผย ที่เต็มไปด้วยมั่นใจ แข็งได้ อ่อนเป็น บริหารตนเอง
เป็นร่มเงาให้ผู้อื่นเดินตาม ถึงจะได้เรียกได้ว่าเป็นต้นไม้ที่แข็งแกร่ง